“พิพัฒน์” เดินหน้าถนนผังเมืองใหม่ตราด คืบหน้า 26% เปิดเส้นทางเมือง - ชายแดน - ท่องเที่ยว ลดเวลาเดินทาง หนุนเศรษฐกิจตะวันออก คาดเสร็จปี 2570
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในทุกภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกขึ้น ลดต้นทุนขนส่ง และเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะจังหวัดตราด ซึ่งเป็น “ประตูเศรษฐกิจภาคตะวันออก” ที่เชื่อมสู่ประเทศเพื่อนบ้านและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ทช. ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนสาย ก1 ข และ ค1 ผังเมืองรวมเมืองตราด คืบหน้ากว่าร้อยละ 26 โดยอยู่ระหว่างงานโครงสร้างหลัก งานผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก และงานสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2570 โครงการนี้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่ “เปลี่ยนคุณภาพชีวิตประชาชนได้จริง” เพราะจะช่วยลดเวลาเดินทางในเขตเมืองตราด เชื่อมเมือง - ชายแดน - ท่าเรือ รองรับการขนส่งสินค้าเกษตรทะเลและการค้าชายแดน หนุนภาคท่องเที่ยว ช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเกาะช้าง - เกาะกูดได้สะดวกขึ้น กระตุ้นรายได้ให้คนในพื้นที่ และเป็นการเตรียมพร้อมสู่การพัฒนาภาคตะวันออกอย่างยั่งยืน รองรับการค้าการลงทุนใหม่ในอนาคต
นายพิชิต หุ่นศิริ อธิบดี ทช. เปิดเผยว่า จังหวัดตราดเป็นเมืองที่มีศักยภาพทั้งภาคการคมนาคมขนส่ง การท่องเที่ยว ปัจจุบันพื้นที่ในเขตอำเภอเมืองมีการขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านถนน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภาคการขนส่ง การค้า และการขยายตัวของเมือง นอกจากนี้ ยังเป็นโครงการก่อสร้างถนนที่ไว้รองรับการขยายทางหลวงหมายเลข 3 จากจังหวัดตราดถึงบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ เพื่อสอดรับกับถนนสายหลักที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดตราด ก่อสร้างแบ่งออกเป็นสาย ก1 ระยะทาง 1.350 กิโลเมตร สาย ข และ ค1 ระยะทาง 6.782 กิโลเมตร รวมระยะทาง 8.132 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 914 ล้านบาท ก่อสร้างเป็นผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 ช่องจราจร แบ่งทิศทางการจราจรโดยเกาะกลาง มีทางเท้า พร้อมก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก 4 แห่ง ติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบระบายน้ำ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้งานถนนสายดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ ทช. ได้กำชับผู้รับจ้างและผู้ควบคุมงานในเรื่องความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง โดยให้ติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบ ติดตั้งป้ายเตือน สิ่งอำนวยความปลอดภัยต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ทางสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงให้เพิ่มรอบการรดน้ำบริเวณโครงการเป็นการลดฝุ่นละอองในพื้นที่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในช่วงระหว่างการก่อสร้างอีกด้วย