นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. กล่าวภายหลังการหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ว่า เบื้องต้นมีความเห็นพ้องต้องกันเรื่องการให้สิทธิ์สมาชิกเดิมกว่า 2.5 ล้านคนที่ต้องพ้นสภาพไปเพราะคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 มีสิทธิ์ร่วมหยั่งเสียงได้ โดยนับคะแนนแบบ 1 คน 1 เสียงเท่ากัน รวมถึงการเปิดให้ผู้เข้าชิงดีเบตแสดงวิสัยทัศน์ แต่โดยรายละเอียดทั้งเกณฑ์การรับรองจากอดีต ส.ส.หรือสมาชิกพรรค น้ำหนักการหยั่งเสียงว่าจะใช้เกณฑ์ผู้ได้คะแนนสูงสุด หรือจะต้องได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้หยั่งเสียงทั้งหมด จะต้องมีการหารือระหว่าง 3 ฝ่ายอีกครั้ง คือฝ่ายตนเอง ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ และฝ่ายนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ในช่วงวันที่ 29 หรือ 30 กันยายนนี้
ส่วนการตัดสินใจลงแข่งขัน นายอลงกรณ์ บอกว่า พร้อมเข้าแข่งขัน แต่ต้องรอให้มีความชัดเจนเรื่องกติกาก่อนจึงจะตัดสินใจอีกทีหนึ่ง เพราะเงื่อนไขบางอย่างเช่นจำนวนสมาชิกรับรองควรมีการผ่อนคลาย เพราะระยะเวลาน้อยเป็นข้อจำกัดอยู่ เนื่องจากการหยั่งเสียงควรจะได้ผลภายในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว โดยเบื้องต้นก็มีคุณสมบัติการเป็นอดีต ส.ส.และอดีตรัฐมนตรีของพรรคอยู่แล้ว พร้อมยอมรับว่ายังไม่มีการสนับสนุนจากอดีต ส.ส. เพราะผู้สนับสนุนส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรค
นายอลงกรณ์ บอกด้วยว่า เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่เป็นผู้เลือกหัวหน้าพรรค จึงมีแนวคิดเสนอให้ผู้เข้าแข่งขันมีสัญญาระหว่างกัน ว่าบุคคลใดที่ไม่ได้คะแนนสูงสุดในการหยั่งเสียง ก็ให้ถอนชื่อออก เพื่อให้เหลือรายชื่อผู้ได้คะแนนสูงสุดเพียงรายชื่อเดียวให้ที่ประชุมใหญ่เลือกเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งดูแล้วแนวโน้มเบื้องต้นนายอภิสิทธิ์เห็นด้วยกับแนวทางนี้
ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.ได้ จะกระทบต่อความเหมาะสมในการเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น นายอลงกรณ์ ยอมรับว่า หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคก็จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่พรรคการเมืองเองก็ไม่จำเป็นต้องทำงานสุมกันในสภาเพียงอย่างเดียว เพราะพรรคการเมืองไม่ได้มีหน้าที่แค่เลือกตั้ง แต่เป็นสถาบันทางการเมือง และมองว่าจะเป็นโอกาสของพรรคด้วยซ้ำ ที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อพบปะประชาชน
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เพราะคิดถึงอนาคตประเทศ อนาคตพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าอนาคตตัวเอง หากชนะการหยั่งเสียงก็จะวางรากฐานพรรคใหม่ สร้างการเมืองสร้างสรรค์ และยึดมั่นในกฎเหล็ก 5 คือไม่มีซื้อเสียงหรือทุจริตการเลือกตั้ง , ไม่หาเสียงโจมตีใส่ร้ายคนอื่น , ไม่รับทุนใต้โต๊ะในการเลือกตั้ง , ไม่ต่อสู้นอกระบบโดยเด็ดขาด ต้องยึดมั่นระบบรัฐสภา , ไม่คอร์รัปชันโดยเด็ดขาด และเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพลิกกลับมาชนะการเลือกตั้งได้