ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
ปตท. สานพลังเพื่อความยั่งยืน ดึง 8 ชุมชนผู้ปลูกกาแฟระบบอนุรักษ์ธรรมชาติร่วมธุรกิจ
28 ก.ย. 2561

            บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือ “การซื้อขายเมล็ดกาแฟกะลา ภายใต้กระบวนการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ” กับ 8 ชุมชนผู้ปลูกกาแฟ จังหวัดเชียงราย ต่อยอดความสำเร็จ “Community Coffee Sourcing : โครงการจัดหาเมล็ดกาแฟจากชุมชน ภายใต้กระบวนการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ” มุ่งสร้างธุรกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนจากการจำหน่ายเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพในระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 

นายกฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ตระหนักถึงพลังของการดำเนินงานธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise, SE) ที่นำความรู้ ความสามารถ รวมถึงทรัพยากรต่างๆ ของกลุ่ม ปตท. มาใช้ในการแก้ไขปัญหาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยผลกำไรไม่ได้คืนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ แต่จะนำไปใช้ในการขยายกิจการ ซึ่งจะก่อให้เกิดการช่วยเหลือและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการเกื้อกูล ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินงานด้านนี้ให้กับกลุ่ม ปตท. 

            Community Coffee Sourcing เป็นอีกหนึ่งในโครงการวิสาหกิจชุมชนของ บริษัท สานพลังฯ ที่สร้างคุณค่าให้สังคม ด้วยการส่งเสริมกระบวนการปลูกและการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพ ภายใต้ระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรให้เกิดความเข้มแข็ง แบ่งปันความรู้ภายในชุมชน และรับซื้อเมล็ดกาแฟกะลาของชุมชมในระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) เพื่อสร้างรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยบริษัทสานพลังฯ จะนำเมล็ดกาแฟกะลามาแปรรูปเป็นกาแฟสารและส่งเป็นวัตถุดิบให้ที่โรงคั่วกาแฟของคาเฟ่อเมซอน โครงการฯ ดังกล่าว ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจาก 2 ชุมชนแรกที่เข้าร่วมโครงการฯ  จึงนำมาสู่การขยายพื้นที่ และลงนามข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน ในวงกว้างมากขึ้น

            นางสาวนิตยา  ธำรงราชนิติ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจคาเฟ่อเมซอน  บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จของร้านคาเฟ่อเมซอน ที่มีมากกว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศ มีความต้องการเมล็ดกาแฟสารซึ่งเป็นวัตถุดิบมากกว่า 3,000 ตัน ต่อปี และมีความต้องการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 20 ในวันนี้ จึงสามารถเป็นช่องทางรับซื้อเมล็ดกาแฟที่แน่นอนให้กับชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมถึง การนำองค์ความรู้ของคาเฟ่อเมซอน มาถ่ายทอดสู่ชุมชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเองของชุมชน และเติบโตไปด้วยกัน ซึ่งนับเป็นการร่วมสร้างประโยชน์แก่สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม 

            ปัจจุบัน มีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 10 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนแรกเริ่มที่เข้าร่วมโครงการ ในปี 2560 จำนวน 2 ชุมชน ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกาแฟปางขอน และ วิสาหกิจชุมชนกาแฟอาข่าปางขอน ในตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และชุมชนจากการขยายพื้นที่โครงการในปี 2561 อีกจำนวน 8 ชุมชน ประกอบด้วย 4 ชุมชน ในตำบลแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้แก่ บ้านห้วยหยวกป่าโซ บ้านห้วยหมาก บ้านสามสูง และ บ้านอาโต่ และอีก 4 ชุมชน ในตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้แก่ วิสาหกิจกาแฟยอดดอยปางขอน วิสาหกิจปางขอนคอฟฟี่ฟาร์ม และ 2 ชุมชนบ้านผาลั้ง ซึ่งรายได้จากการดำเนินโครงการฯ จะนำไปเป็นกองทุนในการพัฒนาอาชีพ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ปลูกกาแฟไทยต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...