นายราเมศ รัตนะเชวง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีการดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องกระบวนการสรรหาบุคคลเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า พรรคได้ดำเนินการตามกระบวนการที่กฎหมายได้กำหนดไว้โดยเคร่งครัด คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นประธาน ได้เปิดรับสมัครสมาชิกที่มีความประสงค์จะสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็น สส. ในนามพรรค ซึ่งได้ปิดการรับสมัครไปแล้วในวันที่ 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีผู้แสดงเจตจำนงในระบบแบ่งเขตครบทั้ง 350 เขต ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ
ขณะนี้ได้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้กำหนดให้รับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคระบบแบ่งเขต ระหว่างวันที่ 19-21 ธันวาคม 2561 ระบบบัญชีรายชื่อ ระหว่างวันที่ 21-23 ธันวาคม 2561 ณ ที่ทำการสาขาพรรค หรือสถานที่ทำการตัวแทนพรรคประจำจังหวัดพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคที่เกี่ยวข้องในเขตเลือกตั้งต่างๆ เข้ามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นปรากฏตามสถานที่ที่ได้ประกาศ สามารถเข้าตรวจดูสถานที่ได้ที่เว็บไซต์ของพรรค มีอยู่ทั้งหมด 77 จุด ใน 77 จังหวัด สมาชิกพรรคร่วมแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการสรรหาผู้สมัครได้ตามวันและเวลาดังกล่าว
สำหรับนโยบายด้านการศึกษาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศเป็นนโยบายไปนั้นประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนมองว่าเป็นนโยบายเรื่องการศึกษาที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกหลานไทยในวันข้างหน้า เพราะลูกหลานไทยคืออนาคตของประเทศในวันข้างหน้า หลักการคิดนโยบายที่ให้เกิดความยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด นโยบายด้านการศึกษาที่ดูแลตั้งแต่แรกเกิดจนจบการศึกษา โดยมุ่งให้มีคุณภาพทั้งเรื่องสุขภาพ ร่างกาย สมอง ย่อมทำให้ประสิทธิภาพในการศึกษาของเยาวชนก็ดียิ่งขึ้น พร้อมเข้าสู่การทำงาน การดูแลประชาชนโดยยึดหลักการที่ยั่งยืนนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วที่ผ่านมาว่าสามารถทำได้จริงและทำได้ดี เช่นนโยบายโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน อาหารกลางวัน โครงการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เป็นกฎหมายฉบับแรกที่ออกมาเพื่อพัฒนาการศึกษากล่าวกันว่าเป็นกฎหมายด้านการศึกษาที่ดีที่สุดที่ออกมาในสมัยนายชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี นี้คือสิ่งที่ยืนยันได้และให้ประชาชนวางใจว่าประชาธิปัตย์จะทำในสิ่งที่ดีและยั่งยืนต่อประชาชนและประเทศ