นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เห็นชอบหลักการโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี จากสถานีศรีรัช เข้าไปที่เมืองทองธานี ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร วงเงิน 3,300 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ต่อขยายเส้นทางไปตามถนนรัชดาภิเษก ไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่- คูคต ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร วงเงิน 3,700 ล้านบาท คณะกรรมการ รฟม.ได้มีมติเห็นชอบในการดำเนินการเจรจากับเอกชนเพื่อต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้ากับทางการร่วมค้า BSR ที่มีกลุ่มบีทีเอสถือหุ้นใหญ่
โดยแนวทางการเจรจาฝ่ายเอกชนต้องเป็นผู้ลงทุนเองตั้งแต่การศึกษาความเหมาะสม การก่อสร้าง การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และค่าเวนคืนที่ดิน เป็นต้น เบื้องต้นเอกชนได้เสนอจ่ายค่าเวนคืนให้รฟม.เป็นผู้ใช้อำนาจจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกฎหมายพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน ซึ่งได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอแนวทางดังกล่าวให้คณะกรรมการ รฟม. และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP)
รวมถึงคณะกรรมการกำกับดูแลตามมาตรา 43 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐไปต่อก่อนที่สุดท้ายจะเสนอไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอความเห็นชอบแก้สัญญาสัมปทานและให้รวมส่วนต่อขยายเข้าไปด้วยตลอดจนการออกกฎหมายเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม สำหรับโครงการดังกล่าวคาดว่าจะเห็นความชัดเจนและเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ และคาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ทันเสร็จทันเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสายสีชมพู
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) กล่าวว่า จะเร่งเจรจาแนวทางลงทุนกับรฟม.พร้อมกับเจรจาเรื่องการขอใช้พื้นที่กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ได้มีการหารือ บีแลนด์เรียบร้อยแล้วพร้อมกับส่งหนังสือขอใช้พื้นที่ไปยังการทางพิเศษแห่งประเทศไทยแล้ว (กทพ.) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จะส่งเรื่องชี้แจงการขอใช้พื้นที่ตามแนวถนนรัชดาภิเษก ไปยังกรุงเทพมหานคร(กทม.)
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเร่งงานก่อสร้าง ให้เสร็จพร้อมกับการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู ในช่วงปลายปี 2564 หรืออาจเปิดได้เร็วกว่านั้นในไตรมาส 2-3 หากเร่งโครงการได้เร็วกว่าแผน นอกจากนี้ การเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้สำโรง-สมุทรปราการ ในช่วงเกือบ 2 เดือน ที่ผ่านมานั้น พบว่ายอดปริมาณผู้โดยสารยังคึกคัก อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ 60,000 คน และมียอดสูงถึง 70,000 คน ในวันที่เป็นช่วงพีค