บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) วางเป้าปี 2562 บริษัทฯ จะมีการลงทุนให้มีกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 8,960 เมกะวัตต์หรือเทียบเท่า โดยจัดเตรียมสำรองเงินลงทุนจำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าพัฒนาและก่อสร้างโครงการใหม่ในปีนี้
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเน้นเป้าหมายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งในแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้าฉบับใหม่ จะเปิดให้มีการประมูลโรงไฟฟ้าในภาคตะวันตกทดแทนโรงไฟฟ้าเก่าที่หมดอายุสัญญา ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมและมุ่งมั่นเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้อย่างแน่นอน สำหรับ การลงทุนต่างประเทศ ก็ยังเดินหน้าทั้งโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก และพลังงานทดแทน ประเภท Greenfield หรือ Brownfield หรือโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว เช่นเดียวกับโครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งมีโอกาสทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็เป็นเป้าหมายที่บริษัทฯ ให้น้ำหนักมากขึ้นในปี 2562
สำหรับผลประกอบการปี 2561 ยังคงสามารถรักษากำไรได้อย่างน่าพอใจ โดยรายได้ส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมค้า เพิ่มขึ้น 31.7 % ในปีนี้จะมีโรงไฟฟ้า 3 แห่งเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 1) โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิตติดตั้ง 99.23 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 35%) ในประเทศไทย 2) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Collinsville ในออสเตรเลีย กำลังผลิตติดตั้ง 42.5 เมกะวัตต์ (บริษัทถือหุ้น 100%) ในออสเตรเลีย และ 3) โครงการเซเปียน เซน้ำน้อย กำลังผลิตติดตั้ง 102.5 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว ซึ่งจะช่วยเสริมให้รายได้และกระแสเงินสดของบริษัทฯ มั่นคงยิ่งขึ้น
"ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน-1 ขนาด 180 เมกะวัตต์ (ถือหุ้น 26.61%) ในอินโดนีเซีย โครงการผลิตไฟฟ้านวนครส่วนขยาย 60 เมกะวัตต์และไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง (ถือหุ้น 40%) โครงการติดตั้งระบบ Black Start โรงไฟฟ้าเคเมอร์ตัน 7.20 เมกะวัตต์ (ถือหุ้น 100%) ในออสเตรเลีย การซื้อหุ้น RATCH-Australia Corporation PTY Ltd. (RAC) จากผู้ถือหุ้นเดิม 20% ส่งผลให้บริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นรายเดียวใน RAC และการลงทุนโครงการน้ำประปาแสนดิน ในสปป.ลาว กำลังผลิต 48,000 ลูกบาศก์เมตร/ วัน จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังผลิตติดตั้งตามการลงทุนรวม 7,639.12 เมกะวัตต์หรือเทียบเท่า"
ด้านผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทฯ รับรู้กำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 6,452.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% สำหรับรายได้รวม มีจำนวน 45,083.54 ล้านบาท ซึ่งโครงสร้างรายได้ของบริษัทมาจาก 3 แหล่งที่สำคัญ คือ รายได้จากการขายและบริการและรายได้ตามสัญญาเช่าการเงิน 62.4% ส่วนแบ่งจากกิจการที่ควบคุมร่วมกันและเงินปันผล 33.3% และรายได้จากดอกเบี้ยและอื่นๆ 4.3% ในปี 2561 รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุนที่มาจากโรงไฟฟ้าหงสาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ