นายกรัฐมนตรีติดตามการแก้ปัญหาหมอกควัน และไฟป่า จ.ภาคเหนือ ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหาในทุกมิติ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดีขึ้นภายใน 7 วัน
วันนี้ (2 เมษายน 2562) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประชุมร่วมกับ 9 ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน และผู้ว่าราชการจังหวัดตาก) ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรประชาชนและสถาบันการศึกษาในพื้นที่ เพื่อติดตามการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือ
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณฝุ่นละอองเล็กเกินค่ามาตรฐาน พร้อมกล่าวว่าในฐานะรัฐบาลช่วงที่ผ่านมามีการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เหล่าทัพ กอ.รมน. ทำงานร่วมกับส่วนราชการท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอุปกรณ์และงบประมาณในการดำเนินการ ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหาในทุกมิติ รวมถึงสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นภายใน 7 วัน
ภายหลังการรับฟังแนวทางการปฏิบัติงาน ปัญหา อุปสรรคการแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากให้ภาคเอกชน นักวิชาการ รวมถึงครู อาจารย์ ช่วยกันสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชน และนักเรียน นักศึกษา พร้อมกับขอให้ช่วยกันระดมสร้างความดีให้กับประเทศชาติ โดยการจัดกิจกรรมออกค่ายอาสาให้เห็นข้อปัญหาข้อเท็จจริง เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง รวมถึงช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่การขาดความเข้าใจและขาดความร่วมมือของทุกคน
ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐขอให้ทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ยกตัวอย่างการทำงานถ้ำหลวงเป็นแบบอย่างการทำงานที่ดี พร้อมกับมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหา ตรวจสอบการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่ยังเกิดปัญหา หากไม่มีการแก้ไขให้ลงโทษ และปลดออกตามลำดับ รวมถึงให้ทำรายงานสรุปสถานการณ์ประจำวันให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว เสนอตามสายงาน และส่งให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับทราบต่อไป
ส่วนการทำงานในพื้นที่ขอให้ระดมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมทั้งอาสาสมัครลงพื้นที่เข้าไปยังจุด Hot spot แก้ไขปัญหาให้ได้อย่างทันท่วงที จัดเจ้าหน้าที่ลาดตะเวนไม่ให้ขยายพื้นที่ออกไป ทั้งนี้ การทำงานต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ระมัดระวังไม่ให้เกิดความสูญเสีย โดยในระยะสั้นนายกรัฐมนตรีได้กำชับจังหวัดและกองทัพในพื้นที่ เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ จัดพื้นที่เซฟตี้โซนสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงเพื่อใช้เป็นศูนย์พักพิงสำหรับประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เด็กและผู้สูงอายุ ให้มีการตรวจและการปราบปรามการลักลอบเผาป่าและจับกุมผู้กระทำความผิด บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะจะตรวจเยี่ยมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งใช้ในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ วัดบุพพาราม ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ เพื่อเป็นประธานการกระชุมคณะรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาลต่อไป
-------------------------