วันนี้ (9 เมษายน 2562) ณ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานกาณ์ภัยแล้งว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบการประกาศพื้นที่ภัยแล้งใน 2 ภาคคือภาคตะวันออกเฉียงเหรือและภาคตะวันออก รวม 4 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ตราด ชลบุรี ซึ่งสิ่งที่เป็นกังวลในตอนนี้คือปัญหาเรื่องน้ำ โดยเฉพาะปรากฎการณ์เอลนีโญ ทำให้ฤดูฝนสั้นลง ฝนตกน้อยลง ทั้งนี้ ต้องรอกรมอุตุนิยมวิทยาประเมินสภาพอากาศในฤดูฝนหน้า และตรงนี้รัฐบาลได้เตรียมการไว้แล้ว อันแรกคือเรื่องของน้ำอุปโภค บริโภค มีปัญหาน้ำประปาไม่เพียงพอ ได้สั่งการให้ขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติม หรือให้มีการขนย้ายให้บริการประชาชนหลายพื้นที่ โดยที่ผ่านมาทำมาเยอะแล้ว แต่ยังไม่พอ ต้องทำให้ดีขึ้น ต้องทำระบบการบริหารจัดการน้ำให้ดีขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ เรื่องน้ำเพื่อการเกษตร พบว่าพื้นที่ชลประทานจำนวนกว่า 10 เขื่อนมีปริมาณน้ำน้อยลง ขณะเดียวกันภาคเกษตรยังไม่ปรับเปลี่ยนตัวเองมากนัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลก็มีมาตรการ กำหนดพื้นที่เพาะปลูกนาปรังจำนวนหนึ่ง แต่มีการปลูกเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ไปอีก อาจเป็นผลจากราคาข้าวดีขึ้น เกษตรกรจึงเร่งปลูกโดยไม่ได้คิดว่าจะเอาน้ำมาจากไหน ต้องสร้างความเข้าใจกันเพิ่มเติม ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการเพิ่มเติมต่อไป แก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน แต่ขอร้องการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม ถ้าไม่มีฝนในปีหน้าก็จะลำบากอีก เพราะฉะนั้นต้องรับฟังรัฐบาลบ้าง

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่จะต้องมีปัญหาต่อไปคือ ปริมาณน้ำที่จะปล่อยน้ำเพื่อผลักดันน้ำเค็ม ถ้าไม่มีน้ำเพียงพอจะทำอย่างไร ดินจะเค็มมากขึ้น ตรงนี้สำคัญมาก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ต้องหามาตรการหลาย ๆ อย่าง มาดูแลการเกษตรให้มากที่สุด อาจจะเรียกว่ามากกว่าอย่างอื่นด้วยซ้ำไป แต่ก็ต้องเห็นใจว่าพื้นที่ชลประทานทำได้จำกัด มีปัจจัยหลายอย่าง จึงอยากให้เกษตรกรเข้าใจ หากเกษตรกรไม่ปรับตัวปัญหาก็จะเกิดขึ้นแบบนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ช่วงนี้ขอความร่วมมือเกษตรกรงดทำนาปรัง พื้นที่น้ำน้อย ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบในวงกว้าง ถ้าฝนไม่ตก น้ำในเขื่อนไม่พอจะทำอย่างไร ถ้าปล่อยน้ำหมดวันข้างหน้าจะทำให้เดือดร้อน ต้องมีมาตรการปล่อยน้ำอย่างสมดุล