พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แจ้งข้อกล่าวหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากถือหุ้นสื่อ ส่อแววว่าจะถูกให้ใบส้ม อีกทั้งฝ่ายการเมืองออกมาวิจารณ์ ว่า มาจากใบสั่งของ คสช. เพราะเป็นผู้มีอำนาจเพื่อสกัดดาวรุ่งส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลฝั่งพรรคเพื่อไทย ว่า คสช.ไม่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ และดุลยพินิจของ กกต. ซึ่งทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการศาล ดังนั้น คสช.จึงไม่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พร้อมย้ำว่าส่วนตัวไม่สามารถสั่งอะไรใครได้ทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีคำพิพากษาให้จ่ายเงินชดเชยค่าบอกเลิกสัญญา 11,888 ล้านบาท แก่บริษัท โฮปเวลล์ว่า คดีโฮปเวลล์ถือเป็นผลพวงจากการทำงานในอดีตที่ผ่านมาอย่างยาวนานที่รัฐบาลนี้ต้องมาแก้ไข ขณะนี้ต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับคำพิพากษา เพื่อหาทางออกในการเจรจาร่วมกันโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งรฟท.ได้มีการชี้แจงเบื้องต้นมาแล้ว หลังจากนี้ก็จะเร่งพิจารณาคำพิพากษาว่าจะมีผลอย่างไรบ้าง และจำดำเนินการในขั้นตอนต่อไปอย่างไร ทั้งนี้ ขอย้ำว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลในอดีตแต่รัฐบาลนี้ต้องมาแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลนี้ก็ได้แก้ไขไปแล้ว เช่น คดีคลองด่าน และอีกหลายๆเรื่อง ซึ่งส่วนตัวไม่อยากกล่าวถึง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณี บริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือ ขสมก. ขึ้นค่าโดยสารรถเมล์แบบก้าวกระโดด 5-7 บาท จนส่งผลประทบกับประชาชนจำนวนมาก ว่า การขึ้นค่าโดยสารทั้งหมดนั้น เป็นไปตามมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบก ไม่ใช่รัฐบาลไปขึ้นราคาหลังจากมีการเลือกตั้ง แต่เป็นการดำเนินการต่อเนื่องที่คณะกรรมการดังกล่าวพิจารณาขึ้นมา ซึ่งก็ต้องติดตามและประเมินผลกระทบเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาด้วย โดยปัจจุบันได้มีการพัฒนาปรับปรุงการบริการให้ดีขึ้น ซึ่งวันนี้มีทั้งรถใหม่ รถเก่าที่นำมาปรับปรุงใหม่ ที่ทำต่อเนื่องมา ซึ่งทั้งหมดคือความก้าวหน้าในรัฐบาลนี้ และในสิ่งเหล่านี้ต้องมองในเรื่องต้นทุนและการขนส่งมวลชนด้วย ซึ่ง ขสมก.ก็ทราบดี และมีหนี้สินที่ติดค้างอยู่จำนวนมาก และส่งผลกระทบไปยังผู้ประกอบการรถร่วมทั้งหมด
ทั้งนี้ รถเมล์ ขสมก. ไม่ได้ขึ้นค่าโดยสารมาเป็นเวลานานแล้ว จึงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกที่จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป ว่าจะทำอย่างไร เพราะหลายอย่างเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ดำเนินการ แต่ก็มีการนำเสนอข่าวมากมายจนทำให้เกิดความสับสนทั้งเรื่องการเมือง หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ และถูกตีกลับมาที่รัฐบาลเผด็จการ แล้วอย่างนี้จะไปต่อได้อย่างไร รัฐบาลก็ทำหน้าที่ต่อเนื่องจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมา ระหว่างนี้ประเทศก็เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือ ดังนั้น การทำงานก็หยุดไม่ได้จึงต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ