นายอรรถพล เจริญชันษาอธิบดีกรมป่าไม้เปิดเผยว่า ตามแผนยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)  กำหนดให้ ภายในปี 2580 ประเทศไทยจะต้องมีพื้นที่สีเขียว ไม่น้อยกว่า 55 %  ของพื้นที่ทั้งประเทศ  กรมป่าไม้จึงมองถึงแนวทางปฏิบัติว่าหลังจากที่สามารถจะ    หยุดยั้งการทำลายป่าได้แล้วในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวก็คือการปลูกต้นไม้หรือปลูกป่า  ทั้งในส่วนที่เป็นป่าธรรมชาติ และในส่วนที่ส่งเสริมให้เป็นป่าเศรษฐกิจซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้ออกกฎหมายหลายฉบับเกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดพื้นที่สีเขียวขึ้นในประเทศไทย เช่น การแก้ไขพ.ร.บ. ป่าไม้ในส่วนของการส่งเสริมให้มีการปลูกไม้มีค่า ด้วยการยกเลิกมาตรา 7 ในเรื่องการตัดไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ รวมถึงการออกกฎหมายพ.ร.บ.ป่าชุมชน ที่จะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งภายใต้กฎหมายนี้จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าและใช้ประโยชน์จากป่าโดยไม่ผิดกฎหมาย

         นอกจากนี้การทำพื้นที่สีเขียวอีกส่วนหนึ่งก็คือการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าด้วยการจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่มีราษฎรเข้าไปอาศัยอยู่จะได้รับการจัดสรรและกำกับนโยบาย โดยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)ตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ.2562 ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับคนและป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ ในรูปแบบของ รัฐได้ป่าประชาชนได้ที่ทำกิน ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้อีกทางหนึ่งเพราะการปลูกต้นไม้ยืนต้นนั้นเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ประชาชนซึ่งได้รับมอบที่ดินคทช.จะต้องดำเนินการตามกฎกติกาที่ได้กำหนดไว้ด้วยแล้ว

“เนื่องจากเราต้องการให้มีพื้นที่สีเขียวที่เป็นป่าธรรมชาติ ป่าเศรษฐกิจรวมถึงป่าในเมือง หรือป่าในเขตชุมชนและสวนสาธารณะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเราจึงต้องรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าในการอนุรักษ์ และมีส่วนร่วมในการปลูกป่า ปลูกต้นไม้และร่วมกันรักษา ดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ซึ่งเป็นปีมหามงคลเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมป่าไม้จึงได้รณรงค์ให้พี่น้องประชาชนได้หันมาร่วมกันปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติโดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้ จะมีการปลูกป่าหรือปลูกต้นไม้ไม่ตำกว่า 10 ล้านต้น”

         อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวอีกว่าการรณรงค์ปลูกป่าและปลูกต้นไม้ในในช่วงหน้าฝนที่จะถึงนี้จะต้องยิ่งใหญ่และไม่เหมือนกับกิจกรรมการปลูกป่าในปีที่ผ่านๆ มา  โดยจะมีการรณรงค์เชิญชวนให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชนหน่วยงานและองค์กรภาครัฐ-ภาคเอกชน ได้หันมาปลูกต้นไม้ประจำตัว, ต้นไม้ประจำครอบครัว หรือต้นไม้ประจำหน่วยงานและองค์กรในพื้นที่ของตนเองหรือพื้นที่ป่า  และสาธารณะ  เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการและกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสปีมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกซึ่งเมื่อปลูกต้นไม้เรียบร้อยแล้ว ประชาชนหรือหน่วยงานนั้นๆก็จะสามารถลงทะเบียนการปลูกต้นไม้โดยใส่ภาพของตนเองและต้นไม้พร้อมระบุพิกัดแผนที่ในการปลูกต้นไม้  ผ่านเว็บไซต์  www.forest.go.th หรือ https://plant.forest.go.th หรือสแกนผ่าน QR CODE ที่กรมป่าไม้จัดทำขึ้นโดยจะสามารถติดตามหรืออัพเดทภาพถ่ายต้นไม้ที่ปลูกไว้ได้ตลอดเวลาที่ผู้ปลูกต้นไม้ต้องการ

“เราได้เริ่มลงทะเบียนต้นไม้ 77 ต้นแรก ไว้ในแอปพลิเคชันดังกล่าวหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานต้นรวงผึ้ง ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเพื่อนำไปปลูกเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชานายกรัฐมนตรี ก็ได้ปลูกต้นรวงผึ้งไว้ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย”

          สำหรับการเปิดตัวโครงการกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกรม  ป่าไม้จะจัดพิธีเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน 2562 ภายใต้ชื่องาน “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติ” ณ สวนวชิรเบญจทัศจตุจักร กรุงเทพฯ โดยมี นายวิจารย์ สิมาฉายาปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะได้ชมนิทรรศการ (พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงปลูกต้นไม้) การรับแจกกล้าไม้ซึ่งเป็น “ต้นกล้าแห่งความจงรักภักดี”  พร้อมทั้งรับชมการแสดงของวงดนตรีพยัคฆ์ไพรใจดี จากกรมป่าไม้ด้วย

“เราเชื่อมั่นว่าจากความตื่นตัวของประชาชน ภายในปี 2562 คาดหมายว่าจะมีการปลูกต้นไม้ ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านต้น ทั่วประเทศและสำหรับผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในต่างจังหวัดกรมป่าไม้ได้จัดเตรียมกล้าไม้ไว้แจกจ่ายให้กับประชาชนอย่างพอเพียง  พี่น้องประชาชนสามารถขอรับกล้าไม้ได้ฟรีที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ” อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวในที่สุด