ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงกรณีรัฐบาลของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลชุดนี้จะบริหารประเทศได้ไม่นาน เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากหลายพรรคการเมือง และมีเสียงปริ่มน้ำนั้น ส่วนตัวมองว่าตราบใดก็ตามที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ไม่มีความขัดแย้ง และยังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพก็ย่อมจะเป็นหลักประกันความปลอดภัยของรัฐบาลได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด และในอนาคตหากมีการแต่งตั้งโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ หรือหน่วยงานที่คุมกำลังสำคัญ ตนก็เชื่อว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ย่อมต้องส่งคนที่ไว้วางใจไปกำกับดูแล ขณะเดียวกันในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาการปกครองประเทศภายใต้รัฐบาล คสช. องค์กรอิสระต่างๆ รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐอื่นๆ คสช. ย่อมได้สร้างเครือข่ายและวางกลไกต่างๆ ไว้อยู่แล้ว ยังไม่รวมถึงปัจจัยอำนาจรัฐ หรืออำนาจอื่นๆที่มองไม่เห็น ดังนั้นเรื่องจำนวน ส.ส. ในสภาฯ ตนจึงมองว่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดถึงความอยู่รอดของรัฐบาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะท้ายสุด ส.ว.250 คน ก็ยังสามารถเลือกพลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกได้ในตลอด 5 ปีนี้หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองใดเกิดขึ้น
ดร.รยุศด์ ยังกล่าวอีกว่า แม้วันนี้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะแพ้เกมในสภา แต่ในเชิงสัญลักษณ์ถือว่าชนะใจประชาชน ประวัติศาสตร์การเมืองครั้งนี้คงต้องจารึกไว้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกฎกติกาที่ผิดเพี้ยนเอื้อประโยชน์บางพรรค ส.ว.เพื่อนพ้องน้องพี่ที่เลือกนายกได้ พรรคชนะเลือกตั้งอันดับหนึ่งไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้เกิดคำถามจากสังคมว่าการเข้าสู่อำนาจของพลเอกประยุทธ์ มีความชอบธรรมและสง่างามหรือไม่ และตนคิดว่าจากนี้ต่อไปรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ คงจะต้องใช้ทุกวิถีทาง และทุกองคาพยพเพื่อทำให้สามารถบริหารประเทศได้ และแนวโน้มตนก็มองว่ารัฐบาลอาจจะอยู่ได้ยาวจนครบวาระด้วยซ้ำไป จะมีเพียงเหตุผลเดียวที่อาจจะทำให้รัฐบาลนี้อยู่ไม่ได้ นั่นคือ การลุกขึ้นของประชาชนและคนรุ่นใหม่ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี พ.ศ. 2516 และ 2535 และภายใต้บริบทสังคมที่การสื่อสารโซเชียลมีเดียมีบทบาทอย่างสูง โอกาสของการเกิด “บางกอกสปริง” หรือฤดูใบไม้ผลิในกรุงเทพนั้น ตนคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องยากและมีความเป็นไปได้ เหมือนเคยเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศอาหรับมาแล้ว ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึงตนก็เชื่อว่าประเทศไทยคงจะมีประชาธิปไตยเต็มใบอย่างแท้จริง