นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่มีข่าวความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในพรรคพลังประชารัฐ เพื่อแย่งกระทรวงพลังงาน ถึงขนาดมีการเข้าชื่อ สส. เพื่อปลดเลขาธิการพรรค เนื่องเพราะว่าจะมาแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายและเข้าใจได้ว่ากระทรวงพลังงานต้องมีผลประโยชน์มากมายทำให้ต้องทะเลาะกันแบบแตกหักเช่นนี้ ซึ่งในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็อยากขอยืนยันว่ากระทรวงพลังงานมีผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจริง แต่ผลประโยชน์เหล่านี้ควรที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศและประชาชนโดยรวม เพื่อให้ประเทศและประชาชนได้ใช้พลังงานอย่างเพียงพอและในราคาที่ถูกที่สุด ไม่ใช่หาประโยชน์ใส่ตัวเอง ซึ่งในอดีตมีเรื่องไม่ชอบมาพากลจำนวนมากเช่น โครงการทำท่อส่งก๊าซอียิปต์ อิสราเอล สมัยรัฐบาลหลังการปฏิวัติปี 2549 โครงการออยแซนด์ในประเทศแคนนาดาที่ต้องปิดการดำเนินการไป และ โครงการปลูกสวนปาล์มในอินโดนีเซียที่มีทุจริตกันอย่างมโหฬาร ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ กระทั่งล่าสุด โครงการซื้อหุ้นเหมืองถ่านหินในประเทศ อินโดนิเซียในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทแต่ได้หุ้นมาเพียง 11% แถมธุรกิจเหมืองถ่านหินก็มีอนาคตย่ำแย่ตามภาวะสำนึกปกป้องสิ่งแวดล้อมของโลกตามที่ได้เคยเตือนไว้แล้วก่อนที่จะซื้อ เป็นต้น การบริหารกระทรวงพลังงานจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก โดยอยากให้คำนึงดังนี้
1. ต้องคำนึงถึงทิศทางอนาคตการใช้พลังงานของโลก
2. ทำให้ประเทศมีการผลิตพลังงานอย่างเพียงพอสำหรับอนาคต โดยต้องคำนึงถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ
3. การให้ประชาชนได้ใช้พลังงานในราคาที่ถูกที่สุด (เลิกเชื่อว่าราคาถูกแล้วไม่ประหยัด เพราะเป็นแผนการหากำไรของบริษัทพลังงาน)
4. ควบคุมบริษัทพลังงานไม่ให้เอาเปรียบประชาชนเกินไปเหมือนในอดีต
5. ไม่ทำโครงการที่สุ่มเสี่ยงเพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเอง โดยเฉพาะโครงการในต่างประเทศที่ขาดทุนแทบทุกโครงการ
นี่เป็นแนวคิดหลักๆเท่านั้น ยังมีแนวคิดอื่นๆอีกมากเพื่อปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของไทย ซึ่งในอดีตตนได้ดำเนินการดังนี้ ยกเลิกการใช้เบนซิน 91 เพื่อให้มีการใช้เอทานอลที่ผลิตได้เองในประเทศมากขึ้นถึงวันละประมาณ 4 ล้านลิตร การลดเงินอุดหนุนไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ลงตามต้นทุนที่ลดลง การงดเก็บกองทุนน้ำมันชั่วคราวและต้องมาปรับการอุดหนุนราคาก๊าซ การออกบัตรเครดิตพลังงานช่วยแท็กซี่ และ การปรับแผนพลังงานทั้งหมด เป็นต้น ดังนั้น ผู้จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจะต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถรู้เรื่องพลังงานและต้องรู้เรื่องเศรษฐกิจอย่างดีด้วย และที่สำคัญคือต้องมีประวัติที่ขาวสะอาดไม่มีเรื่องทุจริตในอดีต หากได้บุคคลที่ไม่เหมาะสมนอกจากจะเกิดการทุจริตคอรัปชั่นได้มากแล้วยังจะทำให้แผนงานอนาคตของพลังงานประเทศบิดเบือนซึ่งจะเป็นปัญหาที่หนักกว่ามาก ทั้งนี้จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอย่างถี่ถ้วน อีกทั้งจะมีการตรวจสอบการบริหารงานของกระทรวงพลังงานอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอีกเหมือนในอดีต