ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม โดยการนำของนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้จัดงานเลี้ยงแสดงความขอบคุณ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยนายชัยวัฒน์ ได้กล่าวขอบคุณ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม  และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมว่า รัฐมนตรีทั้ง 2 ท่าน เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติงาน ทำงานทุกชั่วโมง ข้อสั่งการเป็นข้อความที่คุ้นเคยในไลน์ของผู้บริหารเป็นอย่างดี โดยให้ความสำคัญทั้งโครงการเล็ก ถึงโครงการใหญ่ เก็บรายละเอียดทุกอย่าง แม้ว่าจะเหนื่อยในการปฏิบัติงานแต่ก็เต็มใจทำงานเสมอ และภาคภูมิใจ โดยไปประชุมกับกระทรวงอื่น ก็มีข้อชื่นชมว่ากระทรวงคมนาคมมีโครงการและผลงานต่อเนื่อง ทั้งนี้ ถือว่าประเทศได้เป็นการพัฒนา ถือว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 เป็น 1 ในประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิใจของชาวกระทรวงคมนาคม

ขณะที่นายอาคม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1,775 วันที่ทำงานในตำแหน่งนี้ แรกที่มารับตำแหน่งตกใจมากที่ได้เข้ามาช่วยทำงานที่กระทรวงคมนาคม และได้ทำผลงานให้เป็นรูปธรรมตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา การลงทุนระบบรางเกิดผลทั้งระบบทางคู่ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูงและอื่นๆ ขับเคลื่อนไปจนงานล้นมือ จะทยอยเปิดบริการปี2562-2564 เช่น สายสีเขียว สีแดง สีชมพู สีเหลือง และผลงานสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ การปลดธงแดงไอเคโอ

นายอาคมกล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนการลงทุนในโครงการต่างๆ ด้านคมนาคมขนส่ง มีหลักการ 3 ข้อคือ 1.ต้องเร่งลงทุน 2.การให้บริการอยู่ในระดับ Worldclass และทันสมัย และ3.ต้องมีการปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งถือว่าทำได้ตามเป้าหมายและเป็นการวางพื้นฐานสำหรับอนาคต เน้นย้ำเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก และที่สำคัญคือ ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างโครงการอุโมงค์เชื่อมผืนป่า จ.นครราชสีมา ของกรมทางหลวง (ทล.)​ ที่กำกับเองตั้งแต่ร่างเสนอแผนต่อที่ประชุมคณะ​รัฐมนตรี​ (ครม.)​ ซึ่งผลที่ได้ออกมาคุ้มค่าและเป็นต้นแบบในการพัฒนากับประเทศอื่นๆด้วย

ในช่วงท้าย นายอาคมกล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาจะโหมลงทุนหลายโครงการ แต่ภารกิจยังไม่แล้วเสร็จ ก็ต้องให้รัฐบาลชุดต่อไปสานต่องานต่างๆ ต่อไป แต่แผนงานต่างๆ ก็ถือว่าได้เตรียมการไว้พร้อมเสนอ ครม.ได้ทันที แม้ปีนี้ทางคู่ ไฮสปีดเทรนจะยังไม่มา แต่รถไฟฟ้าสายสีแดง เขียว เหลือง ชมพู และน้ำเงินจะทยอยออกมาให้ใช้บริการแน่นอน จะทยอยเปิดบริการปี2562-2564

ด้านนายไพรินทร์ กล่าวว่า ตอนแรกที่ได้รับโทรศัพท์จากท่านนายกรัฐมนตรี ก็รู้สึกตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะได้มาทำงานที่นี้ ก็สนุกที่ได้ทำงานช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่น่าจดจำที่สุดในชีวิต ผลงานของกระทรวงเป็นผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ตลอด 5 ปี ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขจนหมด ต่อไปจะเป็นหน้าที่ของข้าราชการทุกคนจะต้องทำให้เป็นที่พึ่งและแบ่งเบาความทุกข์ของประชาชนด้านการขนส่งทุกโหมด

“ส่วนตัวเองหลังจากนี้ จะไปทำงานด้านการศึกษาที่ศูนย์​การเรียนรู้ป่าวังจันทร์ จ.ระยอง เพราะช่วงปั้นปลายชีวิตอยากทำงานด้านนี้เพื่อคืนประโยชน์ให้สังคม” นายไพรินทร์ กล่าว