นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ในวันที่ 30 ก.ค. นี้ ดีป้าจะเสนอของบประมาณปี 2563 ต่อนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ประมาณ 3,500 ล้านบาท ในการทำ 4 โครงการหลัก และ 2 โครงการที่เป็นงบผูกพัน จากเดิมที่เคยได้งบประมาณในปี 2562 ประมาณ 1,200 ล้านบาท
สำหรับโครงการหลัก 4 โครงการ ได้แก่ 1.การสนับสนุนสตาร์ทอัป 2. การทรานฟอร์มเมชั่น ให้กับภาคธุรกิจเอสเอ็มอี และ ภาคการเกษตร 3. การต่อยอดโครงการสมาร์ท ซิตี้ จากจังหวัดเดิม เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ที่มีดาต้า แพลตฟอร์ม อยู่แล้ว ต่อยอดให้มีโซลูชั่นใช้งานได้จริง และเพิ่มอีก 20 จังหวัด ในการสร้าง ดาต้า แพลตฟอร์ม อาทิ ตามแนวชายแดน และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัย การเพิ่มจังหวัดกระบี่ พังงา ใช้ดาต้า แพลตฟอร์ม ท่องเที่ยวรูปแบบเดียวกับ ภูเก็ต ซึ่งทั้ง 20 จังหวัดได้เสนอแผนมาแล้ว ว่าจะมุ่งพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ ด้านไหน และ 4. การสร้างบุคลากรดิจิทัลที่ต้องการสร้างทักษะให้ตรงกับงานที่ขาดแคลน
ส่วนอีก 2 โครงการที่เป็นงบผูกพัน คือ 1.โครงการจัดงาน เวิลด์ เอ็กซ์โป ที่ ดูไบ งบประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้ดีป้าเป็นแม่งานและรัฐบาลยังไม่เคยให้งบประมาณ และ 2. โครงการสร้างสถาบันไอโอที ที่จะขยายเป็น ไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเล่ย์ ในพื้นที่ดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้และต้องจ่ายเงินตามสัญญาเป็นงวด คาดว่าภายในปีงบประมาณหน้าจะจ่ายอีก 700 ล้านบาท
"โครงการที่เสนอ ไม่ใช่โครงการใหม่ แต่เป็นโครงการที่ทำอยู่แล้ว และต้องขับเคลื่อนต่อเพือให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ของดีป้า แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีด้วยว่าจะมอบนโยบายให้ทำโครงการอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งตนเองก็พร้อมจะทำตามนโยบาย"
นายณัฐพล กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาดีป้า ได้รับนโยบายให้ทำหลายโครงการ แต่งบประมาณไม่พอใช้ เพราะงบปัจจุบันที่ได้ไม่เพียงพอจึงต้องเน้นทำงานร่วมกับพันธมิตรเอกชน ยกตัวอย่างเช่น การมีพื้นที่ โค เวิร์กกิ้ง สเปซ เพื่อเป็นศูนย์รวมให้สตาร์ท อัป มาใช้งาน บนชั้น 2-3 ลาดพร้าว ฮิลล์ ก็ต้องขอเงินบริจาคจากภาคเอกชนซึ่งปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากเอกชน 14 รายๆละ 1.5 แสนบาทต่อปี ขณะที่ดีป้าต้องจ่ายค่าเช่าเฉพาะพื้นที่ดังกล่าวปีละ 6.7 ล้านบาท ซึ่งดีป้าก็ยังเปิดรับเงินบริจาคอยู่ต่อเนื่องคาดว่าภายในต้นปีหน้าจะได้ครบ 100 ราย