นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากนิติบุคคลถึงการกระทำของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นมิจฉาชีพหลอกลวงเอาข้อมูลของนิติบุคคลมาแสวงหาประโยชน์ โดยพฤติกรรมของกลุ่มดังกล่าวจะใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ หมายเลข 063-204-xxxx, และ 061-413-xxxx โทรหานิติบุคคล พร้อมแอบอ้างว่าโทรมาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ DBD เพื่อขอสอบถามข้อมูลของนิติบุคคลสำหรับนำไปอัพเดทในเว็บไซต์กรมฯ อาทิ ชื่อกรรมการบริษัท ที่อยู่ของสำนักงาน หมายเลขโทรศัพท์ และจำนวนพนักงาน ในเบื้องต้น กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบไปยังหมายเลขดังกล่าวตามที่นิติบุคคลได้แจ้งมานั้น พบว่า ไม่สามารถติดต่อได้และระงับการใช้บริการชั่วคราว

          อธิบดี กล่าวต่อว่า “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขอแจ้งให้นิติบุคคลและประชาชนทั่วไปทราบว่า กรมฯ ‘ไม่มีนโยบาย’ ในการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกรมฯ โทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อมูลตามที่กลุ่มดังกล่าวได้แอบอ้าง หากกรมฯ ต้องการติดต่อกับนิติบุคคลรายใดจะมีหนังสือราชการส่งออกไปถึงนิติบุคคลอย่างเป็นทางการเท่านั้น สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้แม้ว่าจะยังไม่พบความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวนิติบุคคล แต่กรมฯ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับการกระทำของคนกลุ่มนี้ ซึ่งกรมฯ จะขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบในเชิงลึก และจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มบุคคลที่นำชื่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปแอบอ้างเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบธุรกิจ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การให้บริการของกรมฯ”

“โอกาสนี้กรมฯ จึงขอเตือนไปยังผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนที่อาจพบเจอมิจฉาชีพโทรศัพท์ติดต่อ    เข้ามาสอบถามข้อมูลในลักษณะนี้ให้ระวังและอย่าหลงเชื่อให้ข้อมูล ทั้งนี้ขอให้แจ้งข้อมูลดังกล่าวมาที่กรมฯ หมายเลขสายด่วน 1570 หรืออีเมล์ bokrao.dbd@gmail.com เพื่อจะได้รวบรวมหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีมิจฉาชีพจำนวนมากเข้ามาแสวงหาประโยชน์กับนิติบุคคลที่ทำมาหากินอย่างสุจริตในรูปแบบต่างๆ โดยอาศัยความน่าเชื่อถือของหน่วยงานราชการมาแอบอ้างให้หลงเชื่อทำให้นิติบุคคลเกิดความเสียหายในการดำเนินธุรกิจ กรมฯ จึงขอให้นิติบุคคลดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบการมีตัวตนของธุรกิจที่แน่ชัด โดยสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ผ่าน 2 ช่องทางคือ 1) Mobile Application: DBD e-Service และ 2) เว็บไซต์กรมฯ www.dbd.go.th (ค้นหาได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) เลือกหัวข้อบริการออนไลน์ จากนั้นเลือก บริการข้อมูลธุรกิจ และ DBD Data Warehouse ไม่เสียค่าบริการใดๆ และใช้งานระบบได้ตลอด 24 ชั่วโมง” อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด