นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น “Priceza” เครื่องมือค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคา(Shopping Search Engine) กล่าวว่า ครึ่งปีแรกตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประเมินได้จากตัวเลขภายในของไพรซ์ซ่าที่โดยเฉลี่ยมีผู้เข้าชม 13 ล้านคนต่อเดือน เกิดเป็นอัตราการซื้อขาย 4.06% เติบโตจากปีก่อนหน้าทั้งปีที่เกิดอัตราการซื้อขาย 3.06% ถึง 33%

ปัจจุบัน อีคอมเมิร์ซไทยมีสัดส่วนประมาณ 2-3% ของภาพรวมค้าปลีกมูลค่า 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2-3 แสนล้านบาท ปัจจัยที่จะมีส่วนสำคัญทำให้ตลาดเติบโตมากขึ้น จะมาจากการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ เพย์เมนท์ และความหลากหลายของสินค้า

ไพรซ์ซ่าเผยถึงสถิติเชิงลึกช่วง 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2562 ว่า เฉพาะไทยมีสินค้าจำหน่ายบนแพลตฟอร์มกว่า 50 ล้านชิ้น สัดส่วน 42% เป็นสินค้าในประเทศ และ 58% เป็นสินค้าจากต่างประเทศ บริษัทคาดการณ์ไว้ว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้จำนวนสินค้าจะเพิ่มไปถึง 62 ล้านชิ้น หรือ เติบโต 29% จากปี 2561

สำหรับกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ งานอดิเรกและของสะสม 21% แฟชั่นและเสื้อผ้า 17% อะไหล่ยนต์ 14% โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ 13% เครื่องใช้ไฟฟ้า 10% เฟอร์นิเจอร์ 10% สุขภาพและความงาม 5% คอมพิวเตอร์ 4% ของชำและเครื่องใช้ภายในบ้าน 2% และอื่นๆ 4%

อย่างไรก็ตาม หากวัดจากมูลค่าการซื้อขาย(จีเอ็มวี) กลุ่มที่สร้างมูลค้าได้สูงสุด 5 อันดับแรกคือ สุขภาพและความงาม 27% เสื้อผ้าและแฟชั่น 17% เครื่องใช้ไฟฟ้า 11% เฟอร์นิเจอร์ 9% และโทรศัพท์มือถือ 7% ขณะที่จำนวนคำสั่งซื้อ กลุ่มเสื้อผ้าและแฟชั่นรั้งผู้นำที่ 26% สุขภาพและความงาม 14% เฟอร์นิเจอร์ 13% อะไหล่ยนต์ 9% งานอดิเรกและของสะสม 8% เครื่องใช้ไฟฟ้า 7%

สำหรับไพรซ์ซ่าทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังจากนี้ มุ่งเป็นอีคอมเมิร์ซฮับ ภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ “อีคอมเมิร์ซ ดิสทริบิวชั่น แพลตฟอร์ม” ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักชอปคนไทยสามารถจับจ่ายสินค้าได้ตามความต้องการที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ โดยบริษัทมีเทคโนโลยีที่สามารถทำความเข้าใจลูกค้าได้จากการใช้บริการบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลายได้แบบรายบุคคล ในแผนภายใน 1-2 เดือนเตรียมเปิดตัวบริการกับพันธมิตรหนึ่งราย ตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ