ทั้งนี้ ภายหลัง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อม พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท.และ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ร่วมแถลงผล “ปฏิบัติการปราบปรามเนื้อหาไม่เหมาะสม” สืบสวนปราบปรามผู้ที่เผยแพร่สื่อในเนื้อหาไม่เหมาะสม
พร้อมขอฝากร้านค้าร้านกาแฟต่างๆ ที่เปิดให้ผู้ใช้บริการต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟ ( WIFI) ภายในร้าน ให้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลของผู้ลงทะเบียนใช้เป็นเวลา 90 วัน เพื่อป้องกันเมื่อมีเหตุอะไรแล้วเจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องขอข้อมูลดังกล่าว โดยอาศัยความตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 26 ซึ่งดีอีได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปอท.แล้ว และหากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษตามกฎหมาย นั้น
ล่าสุด นายพุทธิพงษ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงในเรื่องดังกล่าวว่า ดิจิทัลคือเหรียญสองด้าน มีทั้งฝั่งดีและร้าย จากข่าวที่ผมแถลงเมื่อวาน อาจมีการนำเสนอคลาดเคลื่อนในบางประเด็น จนประชาชนเกิดความสับสน โดยเฉพาะเจ้าของร้านที่ให้บริการ free wifi แก่ลูกค้า ซึ่งตามปกติแล้ว คงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผู้มาใช้บริการอินเทอร์เน็ตนั้น ใช้งานตามปกติ หรือใช้ในเรื่องที่ไม่ดี
หลายๆ ท่านคงพอทราบว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 26 นี้ประกาศใช้มานานแล้ว ซึ่งการเก็บ log file หรือข้อมูลของผู้ใช้ เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนหลังกลับไปได้ 90 วัน เป็น ‘การขอความร่วมมือ’ เพื่อผลประโยชน์ของทางร้านค้าเอง เพราะเมื่อเกิดเหตุกระทำผิดขึ้นมา แล้วตรวจสอบย้อนกลับไปจนเจอ IP address ของร้านค้า จะได้ทราบว่าใครคือผู้ใช้จริง ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดได้
ในทางเทคนิคแล้ว ตอนนี้ทั้ง ISP และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ จะมีการเก็บ log ผู้ใช้งานไว้อยู่แล้ว ทางผู้ประกอบการเองสามารถแจ้งไปเพื่อให้ดำเนินการขอข้อมูลย้อนหลังได้ ซึ่งผมเองก็ยินดีรับฟังข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการนี้ สังคมดิจิทัล เราต้องช่วยกันดูแลครับ