ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยี่ยมชมภารกิจของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยนายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการ ดีป้า ผู้บริหาร พนักงานและผู้แทนจากภาคเอกชนให้การต้อนรับ
โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมหารือหัวข้อ “แนวทางการพัฒนาประเทศไทยสู่ ASEAN Digital Hub” และได้สั่งการให้ดีป้าเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Digital Hub) ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐสำคัญอย่าง “ไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์” พื้นที่เมืองอัจฉริยะในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand) ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่จะสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน และขยายตลาดในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล อีกทั้งเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ ทดสอบ ทดลองนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ก่อนก้าวสู่ตลาดเชิงพาณิชย์
จากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ที่มีพาร์ทเนอร์ผู้ประกอบการตั้งอยู่ด้วยเพื่อให้คำปรึกษาและร่วมพัฒนานวัตกรรมดิจิทัล เช่น NB-IoT cloud computing หุ่นยนต์ (Robotic) การวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทดลองใช้เครื่องตรวจจับใบหน้าและอารมณ์ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีอารมณ์ดีเกิน 90 เปอร์เซ็นต์
นายกรัฐมนตรีให้หุ่นยนต์นำทางเข้าห้องประชุม พบผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ พร้อมกล่าวว่า
ขอให้คนไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปสู่การใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ขณะเดียวกันขอให้หาจุดร่วมการอยู่ร่วมกัน ระหว่างคนยุคเก่าและยุคใหม่ เน้นการรวมกลุ่ม เพื่อให้รัฐบาลส่งเสริมให้ตรงเป้าหมาย อยากให้ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพร่วมขบวนรถไฟที่ 12 ในรัฐบาลนี้ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และเดินหน้าไปด้วยกันตามยุทธศาสตร์แห่งชาติ
ระหว่างพบผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ นายกรัฐมนตรี ได้รับข้อเสนอของผู้ประกอบการที่เสนอให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม ปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เช่น แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เรื่องการให้หุ้นพนักงาน รวมถึงการปรับตัวและอยู่รอดของร้านค้าปลีก เป็นต้น โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่าให้ความใส่ใจทุกผู้ประกอบการ ไม่เคยทอดทิ้ง แต่อยากให้นำเทคโนโลยีมาใช้ โดยเฉพาะในร้านค้าปลีกและตลาดสด ไม่อยากให้ว่ากล่าวกันไปมาว่าเมื่อไม่เลือกแล้วไม่ดูแล
“ประเทศนี้เป็นของทุกคน มีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งตัวผมยึดมั่นใน 3 สถาบันหลัก รวมถึงประชาชน ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตัวหรือเอื้อให้ใคร ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่อยากให้กระทบประชาชน เช่น ไม่เปิดสัญญาณไฟขบวนรถเพื่อขอทาง และขอให้สร้างกระบวนการสร้างความเข้าใจ ให้เชื่อผมบ้าง แม้ไม่เชื่อทั้งหมด และให้ทำวันนี้เพื่อตนเองและคนอื่นทันที อย่ารอรวยแล้วค่อยทำ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้แก้ปัญหาการศึกษาทั้งระบบแล้วแต่ก็ยังมีปัญหา ตลอด 5 ปี รู้เรื่องการทำงาน แม้จะถูกกล่าวหาว่าไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ แต่ยืนยันรัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและก้าวไปอย่างเข้มแข็ง โดยวันนี้การพูดของตน อย่าให้เป็นประเด็นการเมือง