นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังการประชุมร่วมกับ ดร.สมคิด จาตุศรี-พิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า กลุ่ม ปตท. ได้รายงานความคืบหน้าตามที่รัฐบาลมอบหมายในเรื่องต่างๆ รวมถึงผลการดำเนินงานทางธุรกิจ โดย ปตท. ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก 3P (People Planet Prosperity) นั่นคือ การทำธุรกิจควบคู่กับการดูแลชุมชนและสังคม (People) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Planet) และเป็นฐานความมั่นคงแก่ภาคเศรษฐกิจและสังคมเติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน (Prosperity) ซึ่งตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ปตท. มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่สำคัญ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน โดยมีก๊าซธรรมชาติเป็นพลังงานสะอาดที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย นับตั้งแต่การสำรวจและขุดเจาะ เพื่อหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ อาทิ แหล่งบงกชและเอราวัณ การดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ที่เติบโตและขยายไปสู่การจัดหาก๊าซฯ ทั้งจากในและจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการนำเข้า LNG จากต่างประเทศ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับโครงการ EEC อาทิ การร่วมลงทุน โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และปัจจุบันมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานของภูมิภาคตามนโยบายจากภาครัฐ
ภายใต้การดำเนินงานทางธุรกิจ และสร้างนวัตกรรมเพื่อผลักดันประเทศให้ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ปตท. มุ่งพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากทุกภาคส่วนอย่างบูรณาการ เพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นเมืองนวัตกรรมที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านโครงการและกิจกรรม อาทิ การร่วมพัฒนาสตาร์ทอัพให้เข้มแข็งและสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ ผ่านอินโนสเปซ (ประเทศไทย) การก่อสร้างอาคาร Intelligent Operation Center ศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคของโครงการพัฒนาพื้นที่ เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ในการเป็นศูนย์ควบคุมระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย และเป็นศูนย์ควบคุมกลางด้านความปลอดภัยแบบครบวงจร
นอกจากนี้ ปตท. พร้อมสนับสนุนการดำเนินโครงการ Eastern Fruit Corridor (EFC) ในการพัฒนาห้องเย็น เพื่อเก็บรักษาผลไม้และพืชผลเกษตรในพื้นที่ จ.ระยอง โดยใช้ความเย็นจากการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลวมาใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งโครงการดังกล่าวข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุน 5 ปี ของกลุ่ม ปตท. เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าผลการศึกษาแนวทางการผลิตปุ๋ยสั่งตัดเพื่อช่วยเหลือด้านต้นทุนให้กับเกษตรกรควบคู่ไปกับใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยและพัฒนาดำเนินการ เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทในพื้นที่นำร่อง 3 ชุมชน ได้แก่ พื้นที่ปลูกข้าว ต.พิมาน จ.นครพนม พื้นที่ปลูกอ้อย ต.ท่ามะนาว จ.ลพบุรี และพื้นที่ปลูกกาแฟ ต.แม่สลองใน จ.เชียงราย
อย่างไรก็ดี ปตท. ยังสนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจการเพื่อสังคม ตามกรอบการบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกมิติ อาทิ การทุ่มเทพัฒนาการศึกษาอย่างรอบด้าน การสร้างโอกาสในการส่งเสริมทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่านโรงเรียนกำเนิดวิทย์ และสถาบันวิทยสิริเมธี การส่งเสริมและพัฒนาทางกีฬาของเด็กและเยาวชน การส่งเสริมเยาวชนผู้ขาดโอกาสและผู้พิการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนให้พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนอันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและรายย่อย โดยเข้าร่วมโครงการ "ตลาดไทยเด็ด" เพื่อช่วยเหลือคนในชุมชนและเกษตรกรจากการคัดสรรสินค้าและบริการที่โดดเด่นของภูมิภาคและกลุ่มจังหวัดมาจำหน่ายในสถานที่ที่ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าได้สะดวก สร้างความเข้มแข็งและเพิ่มรายได้ให้คนในท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้แข็งแกร่ง ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 107 แห่ง
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนสร้างความตระหนักและความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการพัฒนาพื้นที่สีเขียวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562 ปตท. ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เปิดเส้นทางจักรยานระยะทาง 10 กิโลเมตร เชื่อมไปสู่เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 800 เมตร ในพื้นที่แปลงปลูกป่า FPT 49 จ.นครราชสีมา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเรื่องราวการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย ได้มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงานของชาติ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0