ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ ว่าได้รับความเดือดร้อนจากรถบรรทุก 10 ล้อ และ รถพ่วง จำนวนมาก ที่วิ่ง เข้า - ออก จากท่าเรือเอกชน ทำให้ถนนชำรุดเสียหาย เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นอันตรายแก่ผู้สัญจร รวมถึงสร้างฝุ่นละอองเป็นจำนวนมาก
เมื่อทางทีมข่าวได้ลงพื้นที่ดังกล่าวตามคำร้องเรียนจากชาวบ้าน จึงพบกับท่าเรือเอกชน 2 แห่ง ซึ่งมีรถบรรทุกสินค้า เข้า - ออก ตลอดเวลา เป็นจำนวนมาก จากการสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงคาดว่าเป็นรถบรรทุกสำหรับบรรทุกถ่านหิน ปูน โดยจะวิ่งเข้าออกตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน ผ่านเส้นทาง เส้นท่าเรือหลังจากข้ามคลองรพีพัฒน์ ไปตามทางถึงเสาไห้ จึงทำให้ถนนสภาพถนนบริเวณเส้นทางดังกล่าวชำรุดเสียหาย ถนนแตกเป็นระยะ รวมถึงเป็นหลุมเป็นบ่อเป็นจุด ๆ ตลอดเส้นทาง
จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน อ้างว่า อาจเป็นเพราะรถบรรทุกจำนวนมากที่วิ่งเข้าออกท่าเรือเอกชนทั้ง 2 แห่งนี้ บรรทุกเกินน้ำหนักตามกฏหมายกำหนด และ อาจเป็นเหตุทำให้ถนนชำรุดเสียหาย ซึ่งสอดคล้องจากหลักฐานที่ทางทีมข่าวได้รับจากพลเมืองดี ที่มีการถ่ายคลิประหว่างรถบรรทุกคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านเครื่องชั่งน้ำหนักก่อนออกจากพื้นที่บริเวณท่าเรือดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่าตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนัก มีน้ำหนักว่า 57 ตัน (กฏหมายกำหนดไม่เกิน 50 ตัน)
ผู้สื่อข่าวจึงตัดสินใจขับตามรถบรรทุกคันดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าหลังจากออกจากท่าเรือ รถบรรทุกคันดังกล่าวนี้ ได้บรรทุกเกินน้ำหนักและวิ่งบนเส้นทางสาธารณะจริงตามที่ปรากฏในคลิป และจากข้อมูลตามคำบอกเล่าของพลเมืองดี เล่าว่า รถบรรทุกจากท่าเรือ 2 แห่งนี้มีการวิ่งเกินน้ำหนักอย่างนี้เสมอ บางคันบรรทุกเกือบ 70 ตัน เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด โดยรถบรรทุกส่วนใหญ่ที่บรรทุกเกินมาตรฐานจะสามารถสังเกตชื่อบริษัทขนส่งได้จากสติ๊กเกอร์ที่หน้ารถ และ ชื่อคาดบนหัวรถ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบ
จึงทำให้น่าตั้งข้อสังเกตุเป็นอย่างมากว่าเพราะเหตุใด เส้นทางที่มีรถบรรทุกสัญจรหนาแน่นเช่นนี้ มีการปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินมากขนาดนี้ได้อย่างไร และเป็นเวลานานเท่าใดแล้ว ถนนหนทางชำรุดเสียหายจนชาวบ้านเดือดร้อนขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล?