พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและผลไม้จังหวัดจันทบุรี ว่าการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาพรวมถือว่าสามารถแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนและเกษตรกรได้เป็นอย่างดีแต่สิ่งที่ทางจังหวัดได้ร้องขอเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้งในปีต่อๆไปคือแหล่งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งซึ่งตนจะนำไปหารรือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป

          ทั้งนี้ส่วนผลกระทบของสถานการณ์ภัยแล้งต่อปริมาณไม้ผลไม้ภาคตะวันออกนั้นคาดว่าผลผลิตจะลดลงประมาณ 10 % ซึ่งปริมาณผลผลิตมีแนวโน้มลดลงเกือบทุกชนิด (ยกเว้น ลองกอง) ส่วนการกระจายตัวผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงตุลาคมโดยจะออกกระจุกตัวสูงสุดในเดือนมิถุนายน 2559 โดยทุเรียนผลผลิตมีแนวโน้มลดลงเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธุ์ ถึงต้นเดือนกรกฎาคม มังคุดมีแนวโน้มลดลงเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม เงาะ ปริมาณผลผลิตมีแนวโน้มลดลงเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นสิงหาคม แต่ลองกอง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลาเมษายน-ต้นตุลาคม

          พลเอกฉัตรชัย ยังกล่าวอีกว่าการบริหารจัดการผลไม้ในปีนี้ เน้นการปรับสมดุล Demand และ Supply โดยใช้ข้อมูลวิเคราะห์และวางแผนการผลิตและการตลาดเพื่อเตรียมป้องกันแก้ไขปัญหาผลไม้ และยังต้องส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพดี ซึ่งเจ้าหน้าที่เกษตรจะต้องช่วยเกษตรกรในการพัฒนาคุณภาพผลผลิต โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต เช่น การตัดแต่งช่อดอกช่อผล ป้องกันกำจัดศัตรูพืช เก็บเกี่ยว คัดแยกและปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวที่ถูกวิธีเพื่อรักษาคุณภาพและคงความสดของผล และจะต้องส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยให้รวมกลุ่มเพื่อผลิตไม้ผลในลักษณะแปลงใหญ่

          นอกจากนี้ยังจะต้องบริหารจัดการผลผลิตเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาช่วงผลไม้ออกสู่ตลาด โดยการปรับสมดุลระหว่างปริมาณผลผลิตและตลาด ให้สอดคล้องกันโดยนำแผนที่มาวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และมีมาตรการต่างๆ อาทิ การป้องปรามผลผลิตด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดโดยให้ออกประกาศและใช้บทลงโทษ กรณีพบผู้กระทำผิดอย่างจริงจังส่งเสริมการบริโภคและประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและต่างประเทศ โดยขยายตลาดเดิมและเพิ่มตลาดใหม่ ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องเข้ามาช่วยบูรณาการในการทำงานเพื่อให้ผลไม้ไทยเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ