พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาขยะทะเล และขยะพลาสติก จนเกิดเป็นมาตรการความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่จะร่วมกันงดการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศที่แสดงถึงพลังความร่วมมือในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน ซึ่งคาดว่า กิจกรรม “Everyday Say No To Plastic Bags” นี้ จะสามารถลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติกหูหิ้วได้ถึงประมาณ 13,500 ล้านใบ พร้อมกันนี้ ได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแสดงพลังรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงปัญหาของขยะพลาสติก และยังคงต้องเดินหน้าร่วมกันต่อไป เพื่อร่วมกับประชาคมโลกในการแก้วิกฤติปัญหาขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ อีกทั้ง ได้ขอความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องประชาชนคนไทย ร่วมกันปรับเปลี่ยนความเคยชินในการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว หันมาใช้ถุงผ้า ตะกร้า หรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน
ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า เหลือเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น กับการงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้ว ของภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ที่สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 ได้ขอความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ทั่วประเทศในการร่วมกันงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วกับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งทุกบริษัท ที่ล่าสุด มากกว่า 75 บริษัท ให้การตอบรับ พร้อมเสนอแนะแนวทางต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จ นับเป็นความสำเร็จระดับประเทศ ที่ทำให้ทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทย ไม่ได้นิ่งเฉยกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น จนเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เรื่อง กลไกการขับเคลื่อนการงดให้ถุงพลาสติก ตามที่กระทรวงฯ นำเสนอ เพื่อเป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงาน เพื่อลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single – Use Plastic) ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 ซึ่งปัจจุบัน สามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วทั้งในตลาดสดเทศบาลและเอกชน รวมทั้งห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อได้แล้วกว่า 3,000 ล้านใบ อย่างไรก็ตาม ต้องขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยช่วยกันเป็นกระบอกเสียงสร้างกระแสการบอกต่อ ปรับเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถใช้ซ้ำ หรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะจากพลาสติกแบบใช้ ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป