สับปะรดพันธุ์ภูแล เป็นพืชเศรษฐกิจที่นิยมปลูกในจังหวัดเชียงราย ด้วยคุณสมบัติที่มีผลเล็ก กะทัดรัด รสชาดหวานกรอบ จีงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างมาก การปลูกสบปะรดภูแลให้ได้คุณภาพดี ปราศจากสารเคมี ด้วยการปลูกแบบอินทรีย์นั้น ยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด และเพิ่มมูลค่าของผลผลิต
คุณชาติชาย โป่งคำ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดภูแล ตำบลบ้านดู่ จังหวัดเชียงราย ผู้ปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกสับปะรดภูแลโดยใช้สารเคมีมาเป็นการปลูกแบบอินทรีย์ด้วยปุ๋ยออแกนิคตราทีพีไอ
“การใช้สารเคมีจะทำให้สุขภาพเสีย ทั้งผู้ใช้และผู้บริโภค ทำให้ดินสื่อมโทรม ต้นทุนการผลิตจะสูง เพราะว่า การใช้สารเคมี หรือปู่ยเคมีราคาจะสูง”
โดยคุณชาติชายได้มีวิธีการในการใช้ปุ๋ยออแกนิคตราทีพีไอดังนี้ “สวนสับปะรดภูแลของผม จะใช้ปุ๋ยทีพีไอฮูมิค เป็นสูตรพ่นทางดิน อัตราส่วนผสม 1:200 คือ ปุ๋ย 1 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน หรือ 15 วัน และอีกสูตรหนึ่งที่ผมใช้ คือ โกรออแกนิค ฉีดพ่นทางใบและลำต้น อัตราส่วนการใช้ 1 ลิตร ต่อน้ำ 500 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน หรือ 15 วัน”
การใช้ปุ๋ยออแกนิคตราทีพีไอ ทำให้เกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ต้นสับปะรดมีความแข็งแรง อีกทั้งยังไม่ต้องใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชและแมลง จึงทำให้สุขภาพดีขึ้นและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ
คุณชาติชาย กล่าวอีกว่า “ปุ๋ยอินทรีย์จะทำให้หน้าดินร่วนซุย ต้นแข็งแรง จากการใช้ปุ๋ยเคมีของผม พบว่าที่ผมใช้ปีแรก ต้นสับปะรดภูแล ต้นจะเล็ก แคระแกน ใบประมาณ 2 นิ้ว ตั้งแต่ผมใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทีพีไอ ใบสับปะรดจะใหญ่ ประมาณ 3-4 นิ้ว ปุ๋ยเคมีที่ใช้ต่อไร่ ต้นทุนอยู่ที่ ประมาณ 700-800 บาท ถ้าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ของทีพีไอ ผมใช้ต่อไร่ ต้นทุนอยู่ที่ 100-300 บาท แลผลผลิตที่ได้ของเคมี ปีแรกผมได้ ประมาณ 1,300 กิโล หรือ 1.3 ตัน แต่เมื่อผมมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ของทีพีไอ ผลผลิตที่ได้ คือ 2,500 กิโล หรือ 2.5 ตัน และอีกอย่างหนึ่ง ผลตอบรับจากผู้บริโภค คือ คนที่กินสับปะรดภูแล ผลตอบรับจะดีมาก ไร่สับปะรดอินทรีย์ของผมได้ไปถึงต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่นและฝรั่งเศส”
ปุ๋ยออแกนิคตราทีพีไอ ได้พิสูจน์จากผู้ใช้จริง แปลว่าได้ผลจริง และนี่คือคำยืนยัน