กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก เตือนประชาชนควรตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ หากพบอาการบ่งชี้อย่าชะล่าใจ หากไม่ได้รับการรักษาเร่งด่วนอาจเสียชีวิตได้
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทประชาชนควรตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ สูบบุหรี่ ความเครียด โรคอ้วนลงพุง และกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตันได้ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบแบ่งได้ตามลักษณะอาการแสดงมี 2 รูปแบบ
1. แบบเรื้อรังเกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ มีไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบเล็กลงหรือตีบตัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอกในช่วงที่ออกแรงหยุดพักแล้วดีขึ้น 2.แบบเฉียบพลันซึ่งเกิดจากการปริแตกด้านในของผนังหลอดเลือดทำให้มีลิ่มเลือดมาเกาะและมีการอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย อาจส่งผลให้บางรายเสียชีวิตแบบกะทันหันได้
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจแบ่งเป็น 2 รูปแบบตามลักษณะอาการคือ 1.แบบเรื้อรัง อาการลักษณะแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่จะเกิดขึ้นจากการสะสมของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือดทำให้มีการตีบแคบของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ มักเกิดในบุคคลที่มีความเสี่ยงได้โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงรวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ โดยมีอาการบ่งชี้ เช่น แน่นหน้าอกคล้ายมีบางอย่างมากดทับรู้สึกร้าวไปกรามและทั้งแขนด้านซ้าย ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการออกแรงและอาการดีขึ้นเมื่อหยุดพักหรืออมยาใต้ลิ้น นอกจากนี้ยังรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
2. แสดงอาการเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน เช่น อาการเกิดได้โดยไม่เลือกเวลา อาจมีอาการได้ในขณะทำงาน เล่นกีฬาหรือพักผ่อน ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการแน่นหน้าอกที่รุนแรง มีเหงื่อออก ใจสั่น และปวดร้าวไปกรามสะบักหลัง แขนซ้าย จุกคอหอย บางรายมาด้วยจุกลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากมีการปริแตกด้านในของผนังหลอดเลือด และมีลิ่มเลือดมาจับตัวบริเวณนั้นเมื่อลิ่มเลือดมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดงทีไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย และอาจเสียชีวิตเฉียบพลันทันทีจากภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง
ดังนั้น หากพบว่ามีอาการบ่งชี้ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันควรรีบไป พบแพทย์ทันทีเพื่อนำไปสู่แนวทางการรักษาที่ถูกวิธีและรักษาชีวิตได้อย่างปลอดภัย ในกรณีที่พบผู้ป่วยหมดสติจากหัวใจวายการกู้ชีพเบื้องต้นโดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมและนำส่งโรงพยาบาลในทันทีอาจจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้
สำหรับการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในปัจจุบันมี 3 วิธี คือ การรักษาด้วยยา การขยายหลอดเลือดแดงด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดค้ำยัน และการรักษาด้วยการผ่าตัดเบี่ยงเบนหลอดเลือดหัวใจหรือการทำบายพาส