สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานสถานการณ์ลำไยในประเทศปี 2563 ว่า จากการที่ปี 2562 มีเนื้อที่ให้ผลผลิต 1,169,496 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ราวๆ 2 % จากเนื้อที่ 1,146,339 ไร่ แต่ผลผลิตลดลงจาก 1,055,847 ตัน มาเป็น 1,011,276 ตัน เพราะผลผลิตต่อไร่ที่เคยได้ 921 กก.ลดเหลือ 865 กก./ไร่ ทำให้ผลผลิตโดยรวมลดลง การผลิตบริโภคภายในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นผลสด ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูป อาทิลำไยอบแห้ง, ลำไยกระป๋องและลำไยแช่แข็งบริโภคในประเทศน้อย เน้นส่งออก ซึ่งในปี 2562 มีปริมาณการบริโภคในประเทศกว่า 5 หมื่นตัน

ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ส่งออกลำไยรายใหญ่ของโลก ในช่วงปี 2558 – 2562 ปริมาณการส่งออกและผลิตภัณฑ์แปรรูปลำไยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะเห็นได้จากปี 2558 มูลค่าส่งออก 15,813 ล้านบาท ปี 2562 ส่งออก 743,024 ตัน มูลค่า 28,904 ล้านบาท คาดว่าปีนี้ การบริโภคในไทยจะมีราวๆ 52,000 ตัน ส่งออกกว่า 815,020 ตัน มูลค่าไม่น้อยกว่า 31,004 ล้านบาท

แนวโน้มการผลิตปี 2563 คาดว่าจะมีเนื้อที่ให้ผลผลิต 1,178,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเดิม เพราะมีเกษตรกรสนใจหันมาปลูกเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่จันทบุรีและสระแก้ว รวมถึงอีกหลายแหล่ง จากที่ปลูกมากในภาคเหนือตอนบน เช่น ลำพูน, เชียงใหม่, พะเยา ด้านราคาลำไยสดช่อ ลำไยอบแห้งที่ชาวสวนขายได้ปีนี้อาจจะมีแนวโน้มลดลงบางพื้นที่ เนื่องจากปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่ราคาที่ขายได้ คงไม่แตกต่างจากปี 2562 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี

รายงานสถานการณ์ลำไยปี 2563 ยังระบุอีกว่า ตลาดส่งออกลำไยของไทยมีคู่ค้าสำคัญๆ ที่ จีน ซึ่งเป็นประเทศหลัก และตลาดเพื่อนบ้านอาเซียนที่ต้องการบริโภคลำไยสดเพิ่มขึ้น พร้อมๆ กับตลาดใหม่ เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, อินเดีย, สหภาพยุโรป, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย เนื่องจากตลาดใหม่ๆ ที่เริ่มสนใจส่งซื้อลำไย จากคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์จากลำไยที่หลากหลายขึ้นทั้งเครื่องดื่ม, เวชภัณฑ์, สมุนไพร, ลำไยแปรรูป เครื่องสำอางค์ แต่เนื่องจากมีการเพิ่มพื้นที่ปลูกใหม่ๆ จะมีผลต่อปริมาณผลผลิต ซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาที่เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตในปีนี้ จากปริมาณลำไยที่เพิ่มขึ้นบ้าง