จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และ4 อำเภอของจังหวัดสงขลา กว่า 10 ปีกว่าแล้ว แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่สงบ ยังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นอยู่ตลอด ส่งผลให้การใช้ชีวิตของคนในพื้นที่เปลี่ยนไป เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเองและครอบครัว ซึ่งเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า เหตุการณ์จะเกิดที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างใด บางครั้งก็รู้เพียงว่า จะเกิดขึ้นระหว่างช่วงวันที่นี้ถึงวันนี้ เป็นต้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดที่ไหนบางครั้งก็เกิดที่ใกล้ๆตัวเอง บางครั้งนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียงปืน หรือเสียงระเบิดดังขึ้น แต่ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป เพราะบางครอบครัวอยู่ในพื้นที่มากกว่า 30-40 ปี ก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีก ถ้าย้ายไปก็ไม่รู้ว่าจะย้ายไปที่ไหน ก็ต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวงว่าเหตุการณ์ร้ายๆนั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเองรึป่าว และไม่รู้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะจบลงเมื่อไหร่และใครอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้
เมื่อปี พ.ศ.2547 ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุการณ์ยิงกันที่มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี และระเบิดในที่ต่างๆ นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด ทำให้ชาวบ้าน,ข้าราชการ,ทหาร ตำรวจรวมถึงพระภิกษุสงฆ์สามเณรมีผลกระทบ พระภิกษุสงฆ์ไม่สามารถที่ทำกิจของสงฆ์ได้เหมือนเดิม ไม่สามารถบิณฑบาตเหมือนแต่ก่อน เพราะพระภิกษุสงฆ์ก็ต้องเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ เพราะพระเป็นที่รวมใจของชาวพุทธในพื้นที่ ถ้าเขา...ฆ่าพระภิกษุสงฆ์ได้ ศูนย์รวมใจของชาวบ้านก็จะหายไปและชาวบ้านก็จะไม่กล้าที่จะไปไหนเพราะกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง จากเหตุการณ์นั้นทำให้ภัตตาหารที่พระภิกษุสงฆ์สามเณรจะนำมาขบฉันในทุกๆวันก็ลำบากมากยิ่งขึ้น ญาติโยม สาธุชน ก็ไม่กล้าที่จะมาทำบุญ วัดก็กลายเป็นค่ายทหารย่อมๆ เพราะต้องมาอยู่ดูแลเฝ้าวัด บางวัดก็เหลือเพียงเจ้าอาวาสเพียงรูปเดียวทั้งวัด กิจนิมนต์ก็ไม่มี ปัจจัยที่จะบำรุงวัดหรือจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ ของวัดก็ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดผลกระทบต่อวัด ต่อพระภิกษุสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นอันมาก
แต่ในร้ายก็มีดีอยู่เสมอ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ยื่นมือมาช่วยผู้ประสบเหตุอย่างมากมาย แต่มีหน่วยงานหนึ่ง ที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอดเป็นเวลากว่า 12 ปีแล้วคือวัดพระธรรมกายที่ได้มอบข้าวสารอาหารแห้ง ที่ได้จากการงานตักบาตร ที่จัดขึ้นในทุกๆจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งข้าวสารอาหารแห้งเหล่านี้ จะมอบให้เป็นประจำทุกเดือน โดยจะมีตัวแทนจากวัดพระธรรมกายและตัวแทนจากคณะสงฆ์ในพื้นที่และหน่วยงานต่างๆมารับข้าวสารอาหารแห้ง ซึ่งข้าวสารอาหารแห้งเหล่านี้จะเป็นภัตตาหารในวันที่ไม่มีภัตตาหารฉันและเจ้าอาวาสก็จะแบ่งปัน ไปมอบให้กับทหารที่มาช่วยดูแลวัด จนถึงญาติโยมที่ประสบเหตุการณ์ด้วยและรวมถึงถวายจตุปัจจัยไทยธรรมให้กับเจ้าอาวาสใน 323 วัด 3 จังหวัด 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่อเป็นค่าบำรุงวัดและค่าน้ำ-ค่าไฟ ในเวลาที่ไม่มีกิจนิมนต์
วัดพระธรรมกายจึงเป็นหน่วยงานหลักที่ได้ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยให้ความช่วยเหลือวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมถึงพระภิกษุสงฆ์สามเณรที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงหน่วยงานข้าราชการ,โรงเรียน,รวมถึงญาติโยมสาธุชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ซึ่งทางวัดพระธรรมกายก็ตั้งใจที่จะจัดต่อเนื่องไปอีก จนกว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะหายไปในพื้นที่
เหมือนคำที่พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เคยให้โอวาทไว้ว่า “พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”
อาตมาภาพในนามของพระที่อยู่ในพื้นที่ อยากจะบอกว่า ข้าวสารอาหารแห้งและจตุปัจจัยที่ทางวัดพระธรรมกายมามอบให้เป็นประจำทุกเดือนมีความจำเป็นและมีความสำคัญมากต่อพระภิกษุสงฆ์และวัดในพื้นที่และอาตมาภาพขอประนามคนที่มาขัดขวางงานตักบาตรตามจังหวัดต่างๆเพราะอาหารที่ได้จากการตักบาต จะลงมาช่วยเหลือวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ท่านไม่ใช่คนในพื้นที่ ท่านไม่รู้หรอกว่า มีความสำคัญมากแค่ไหนและอยากจะบอกคนที่มาขวางการตักบาตรว่า “ขวางทางพระบิณฑบาต เป็นบาปหนัก” ถ้าท่านไม่เชื่อ นรกก็จะรอท่านอยู่ อยู่ที่ท่านเลือกเองว่า “จะเชื่อตอนเป็นหรือจะเห็นตอนตาย”