กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เชิญชวนสถานประกอบกิจการ รับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 สิทธิประโยชน์เพียบ
นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปี 2563 กพร. ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อเป็นเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนสถานประกอบกิจการที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 ในแต่ละกรณี จำนวน 30 ล้านบาท ปัจจุบันมีสถานประกอบกิจการ ได้รับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนดังกล่าวไปแล้ว จำนวน 1,150 แห่ง เป็นเงิน 6,125,632 บาท
สำหรับสถานประกอบกิจการที่สามารถขอรับเงินอุดหนุนนี้ได้จะต้องมีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คน ขึ้นไปและต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมฯ หลายกรณี อาทิ จัดฝึกอบรมลูกจ้างเกินกว่าร้อยละ 70 ของลูกจ้างทั้งหมด โดยส่วนที่เกินกว่าร้อยละ 70 นั้น จะได้รับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน จำนวน 200 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน ตัวอย่างเช่น สถานประกอบกิจการมีลูกจ้างทั้งหมด 1,000 คน ฝึกอบรมพนักงานในปี 61 จำนวน 850 คน ซึ่งเป็นการจัดฝึกอบรมให้แก่ลูกจ้างเกินกว่าร้อยละ 70 จำนวน 150 คน(ร้อยละ 70 ของลูกจ้างเท่ากับ 700 คน) มีสิทธิขอรับเงินอุดหนุนจำนวน 30,000 บาท หรือสถานประกอบกิจการที่จัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานของตนเอง แล้วนำไปใช้ทดสอบลูกจ้างของตนเองมีสิทธิรับเงินช่วยเหลืออุดหนุนได้ สาขาระดับละ 10,000 บาท ตัวอย่าง บริษัท A จัดทำมาตรฐานฝีมือของผู้ประกอบอาชีพ สาขาพนักงานตัดเย็บ ระดับ 1 และระดับ 2 แล้วนำไปใช้ในการทดสอบมาตรฐานแก่ลูกจ้างของตนเองด้วย จะได้รับเงินอุดหนุนเป็นเงิน 20,000 บาท หรือกรณีที่สถานประกอบกิจการส่งลูกจ้างเข้ารับการทดสอบและผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และจ่ายค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ไม่น้อยกว่า 180 วัน มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุน 1,000 บาทต่อคนแต่ไม่เกินปีละ 100,000 บาท การให้เงินช่วยเหลืออุดหนุนดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อสถานประกอบกิจการและลูกจ้าง อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ลูกจ้างได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือมีทักษะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ส่งผลให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐานอีกด้วย
“สำหรับผู้ประกอบกิการที่เข้าหลักเกณฑ์ สามารถติดต่อขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนในแต่ละกรณี สามารถติดต่อสถาบัน/สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2643 6039 หรือ
0 2643 4977 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4” อธิบดี กพร.กล่าว