กลุ่มแพทย์ หลักสูตรประกาศนียบัตร ผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย (ปนป.) สถาบันพระปกเกล้า เผยแพร่ข้อเสนอ กุญแจสามดอก ไขทางออกประเทศไทย Covid19 เราต้องรอด version Cartoon มีเนื้อหาดังนี้
วันนี้กุญแจดอกแรก คือ Rapid test ได้เริ่มอนุมัติให้ใช้อย่างเป็นทางการหลังจากรอมานาน ถึงเวลา massive testing ที่ทุกคนจะเข้าถึงการตรวจในราคาไม่แพง รอไม่นาน ทำได้ทุกที่ เพื่อที่จะควบคุมโรคได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ตอนนี้เราลงทุนปิดบ้านปิดเมืองระดับหนึ่งแล้ว อย่าให้เสียโอกาส จะใช้วิธีตั้งรับรอผู้ป่วยเดินเข้ามาอย่างเดียวจะไม่ทันการ การตรวจปัจจุบันที่ใช้อยู่ตั้งแต่เริ่มแรก มีคนรอผลหลายวันจำนวนมาก และ ไม่ได้ตรวจแต่มีอาการก็เยอะ ต้องมีมาตราการค้นหาผู้ติดเชื้อให้มากที่สุดเพื่อทำการแยก กักตัว รักษา เมื่อวันที่เปิดเมืองเราจะได้ก้าวต่อไปได้
ยกตัวอย่าง
อิตาลีพิสูจน์แล้วว่า ตรวจเยอะกว่า ตรวจเร็วกว่า ตายน้อยกว่า
- การตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบ Mass Testing ในเมือง Vo’ของอิตาลีแสดงให้เห็นว่า สามารถหยุดการระบาดของ Covid-19 ได้ เกือบ 100 เปอร์เซนต์
ผ่านมาแล้วประมาณ 1 เดือนที่อิตาลีมีการระบาดของเชื้อ Covid-19 อย่างรวดเร็ว โดยรายงานยอดผู้ติดเชื้อวันที่ 19 มีนาคม มีมากกว่า 40,000 คน ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เยอะที่สุดในจำนวนยอดผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน
โดยเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิจัยในมหาวิทยาลัย Padua และกาชาดของประเทศอิตาลี ได้ทำการทดลองการตรวจหาผู้ติดเชื้อโดยได้ทำการตรวจผู้อยู่อาศัยทุกคนแม้ว่าจะไม่แสดงอาการในเมือง Vo’ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเมือง Venice จำนวน 3400 คน โดยเริ่มการตรวจแบบ Mass Testing ครั้งแรกวันที่ 6 มีนาคม พบจำนวนผู้ป่วยจำนวน 89 คนที่มีผลตรวจเป็น positive คิดเป็นจำนวน 3 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งหมด จึงได้ทำการตรวจและคัดกรองผู้อยู่อาศัยทุกคน ให้กักตัวอยู่ในบ้านของตัวเองและไม่อนุญาตให้ติดต่อกับผู้อื่น ทำให้สามารถกักตัวประชากรก่อนที่พวกเค้าจะแสดงอาการป่วย และทำให้สกัดการแพร่กระจายของเชื้อได้ จากแนวทางนี้ทำให้เราสามารถหยุดเชื้อไวรัสในเวลาต่ำกว่า 14 วันได้
ผ่านไป 10 วัน ได้ทำการตรวจแบบ Mass Testing อีกครั้ง พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเหลือเพียงแค่ 6 คน คิดเป็น 0.3 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้อยู่อาศัยทั้งหมด เท่ากับจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงไปถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม
จากการทดสอบทำให้ทราบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 มีเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ที่จะแสดงอาการ และ 75 เปอร์เซ็นต์ จะไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ติดเชื้อเหล่านั้นไม่คาดคิดว่าตนเองติดเชื้อ
ดังนั้น Mass testing หรือ การพยายามค้นหาผู้ที่มีเชื้อให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเรารอตั้งรับเพียงอย่างเดียว รอให้คนป่วยแล้วจึงค่อยรักษา จะทำให้มีกลุ่มคนที่อาจจะมีอาการน้อย หรือ ไม่มีอาการ มีเชื้อ ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทำให้แพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่น
ตรวจเพื่อนบ้าน ตรวจญาติ พี่น้อง ตรวจเพื่อน – ตรวจทุกคนเท่าที่ทำได้ แม้ว่าไม่มีอาการ
ดอกที่สอง ยา เมื่อเราค้นหาผู้ติดเชื้อได้มากขึ้นแล้วรักษาเร็ว ด้วย
ยาที่ได้ผลดี ได้ผลจริง ออกฤทธิ์เฉพาะ และยับยั้งไวรัสได้ตรงจุด
ควร hit hard and hit fast อย่ารอให้มีอาการรุนแรงเช่นปอดบวมค่อยให้ (นอกจากจะช่วยชีวิต อาจจะช่วยลดจำนวนคนไข้ติดเครื่องช่วยหายใจ.. ช่วยให้ระบบมีเตียงพอ คุมโรคได้) กลุ่มที่อาการไม่รุนแรง รักษาอยู่บ้าน ไม่สร้างสถานที่กักตัวเอาคนมาอยู่รวมกัน แต่ใช้บ้านเป็น ที่ดูแลรักษา (แต่ต้องช่วยสอนและจัดให้คนกักตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ) ...ใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อ tele medicine ให้แพทย์ พยาบาลสอบถามอาการ แนะนำการรักษาเบื้องต้น
รพ. ขาดแคลนอุปกรณ์ หน้ากากN95 สามารถใช้UV ฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำ มีผลงานเบื้องต้นจาก อ.ทยา และ คณะ ที่ รพ.รามาธิบดี , ชุดPPE สามารถทดแทน และลดความเสี่ยงเจ้าหน้าที่ด้วยหุ่นยนต์ได้ ระยะที่1 เรามีการทดลองใช้มาเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันมีการปรับปรุงให้วัดสัญญาณชีพได้ รวมถึงใช้สัญญาณ5G เพื่อเพิ่มคุณภาพการติดต่อสื่อสาร
ดอกสุดท้าย Social distancing
พวกเราห่างกันสักพัก กลับมาพบกันใหม่ฟื้นฟูประเทศในวันที่หายป่วย
แต่ รัฐต้องมีนโยบายให้ชัดเจน และสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เก็บตัว และทำงานอยู่กับบ้าน เรื่อง สาธารณูปโภค ยา ปรับกฎหมาย ค่าจ้าง หรือ สนับสนุนplat form การทำงาน
(และจัดระบบซื้อของ ส่งของ อาจจะต้องให้เปิดร้านนานขึ้นเพื่อให้คนแยกเวลาซื้อของกัน มีวิธีป้องกันการแพร่เชื้อของผู้ส่งของ)
สำหรับรพ.เอง ให้ผู้ป่วยที่มาติดตาม มาเอายาเฉยๆ ที่ OPD สามารถ รับยาได้โดยไม่ต้องมารพ. (ต้องให้กรมบัญชีกลาง/ประกันสังคม/สปสช. อนุมัติการจ่ายยา โดยมีกระบวนการตรวจสอบ ว่าสั่งยาถูกต้อง) ..สามารถเลื่อนการนัดออกไปก่อนในผู้ป่วยที่เหมาะสม หรือใช้ telemedicine
Stay home = Survive
นาทีนี้ทุกคนเก็บตัวอยู่บ้าน อดทนจะช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ บุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะมดงานด่านหน้า สู้เต็มที่เพื่อให้ประเทศสูญเสียน้อยที่สุด หลายคนไม่มีโอกาสกลับบ้านไปอยู่กับคนที่รักเพราะต้องกักตัวแยกออกมากลัวเอาโรคไปติดครอบครัว หลายคนมีอาการต้องadmit อยู่ใน รพ. หลายวันมานี้ได้รับกำลังใจมากมาย อุปกรณ์การแพทย์ จากเพื่อนพี่น้อง สิ่งที่ทุกท่านจะช่วยเราได้ดีที่สุด คืออยู่บ้านให้มากที่สุด ออกมาเท่าที่จำเป็นจริงๆ ส่งกำลังใจมาให้ก็พอ