(28 มี.ค. 63) เวลา 10.00 น. นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่จุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ตำรวจ ทหาร อปพร. มูลนิธิกู้ชีพ และประชาชนจิตอาสา ร่วมปฏิบัติงาน โดยมี พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผู้บังคับการนครบาล 3 ผู้บริหารสำนักเทศกิจ ผู้บริหารเขตพื้นที่ ร่วมตรวจเยี่ยม ณ จุดตรวจฯ แยกใต้ด่วนมหานคร ถนนสุวินทวงศ์ ฝั่งขาเข้า เขตหนองจอก และบริเวณปากซอย 39 ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ฝั่งขาเข้า เขตประเวศ
จากนั้น เวลา 13.30 น. รองผู้ว่าฯ สกลธี ตรวจเยี่ยมจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี ถนนแจ้งวัฒนะขาเข้า เขตหลักสี่ และบริเวณหน้าคลังสินค้า ประตู 7 ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า เขตดอนเมือง พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยมี นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ สำนักงานเขตในพื้นที่ ศูนย์เอราวัณ และสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. – 30 เม.ย. 63 เพื่อยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กำหนดจัดตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ รวมทั้งสื้น 12 จุด บริเวณรอยต่อกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 โดยผู้ว่าฯ กทม. ได้มอบหมายให้ดำเนินการ แต่ยังคงมีปัญหาอุปสรรคการปฏิบัติงานอยู่บ้างเล็กน้อย จึงได้ร่วมกับผู้เกี่ยวข้องตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจฯ เพื่อให้คำแนะนำและรับทราบปัญหาอุปสรรคดังกล่าวเพื่อนำไปหารือผู้เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขต่อไป
สำหรับจุดตรวจฯ มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่แบ่งเป็น 3 ผลัด ผลัดละ 8 ชั่วโมง เพื่อดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดของประชาชน การจัดระเบียบการเดินทาง การจราจร ตลอดจนเฝ้าระวังสังเกตผู้เดินทางและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรค เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีการตรวจคัดกรอง การวัดอุณหภูมิของร่างกาย หากพบว่าอุณหภูมิสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะให้นั่งพักสักครู่แล้วตรวจวัดใหม่ หากอุณหภูมิยังสูงอยู่จะส่งต่อให้ศูนย์สาธารณสุขหรือโรงพยาบาลในพื้นที่ เพื่อตรวจรักษา เก็บข้อมูลสำหรับติดตามผลต่อไป ในส่วนของเครื่องมือตรวจวัดอุณหภูมิแต่ละจุดจะมีประมาณ 3-5 เครื่อง ซึ่งเมื่อวานนี้ในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้สำนักอนามัยจัดหาเพิ่มเติมประมาณ 200 เครื่อง สำหรับปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในเบื้องต้นได้ขอยืมเครื่องวัดอุณหภูมิจากโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครที่อยู่ในช่วงปิดภาคเรียนมาใช้ก่อน เพื่อให้เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดคัดกรอง นอกจากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้แต่งกายรัดกุม ใส่หน้ากากอนามัย สวมถุงมือ ใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือ เพื่อความปลอดภัยแก่ตนเองและประชาชนที่รับการตรวจที่จุดคัดกรอง ป้องกันและลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วย