ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
เกษตรฯ กางแผนจัดการไม้ผล 80,000 ตัน เซ่นพิษ COVID-19 หากส่งออกจีนไม่ได้
31 มี.ค. 2563

กระทรวงเกษตรฯ เผยมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่มีต่อผลไม้ไทย ทำให้ไม่สามารถส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด และเงาะ รวม 84,275 ตัน พร้อมงัด 2 มาตรการหลัก คือ การช่วยเหลือในการกระจายและควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตร COVID-19 และการช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังร่วมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 2/2563 ณ กรมส่งเสริมการเกษตรว่า คณะทำงานจัดทำข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก ได้วิเคราะห์สถานการณ์การผลิตไม้ผล เมื่อมีการระบาดของโรค COVID-19 โดยคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณผลผลิตในปี 2563 คือ ทุเรียน 584,712 ตัน โดยจะออกสู่ตลาดมากในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 มังคุด 201,741 ตัน จะออกสู่ตลาดมากในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2563 และเงาะ 220,946 ตัน จะออกสู่ตลาดมากในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2563

ทั้งนี้ ในภาวะปกติหากไม่มีผลกระทบโรค COVID-19 คาดว่าจะส่งออกทุเรียน 409,298 ตัน มังคุด 121,045 ตัน และเงาะ 15,466 ตัน ปริมาณรวม 545,809 ตัน แต่หากได้รับผลกระทบ COVID-19 มีการวิเคราะห์ว่าจะส่งออกทุเรียนได้ 350,827 ตัน มังคุด 108,940 ตัน และเงาะ1,767 ตัน ปริมาณรวม 461,534 ตัน จึงมีส่วนต่างของผลผลิตที่ส่งออกไม่ได้ครบตามภาวะปกติ ดังนี้ ทุเรียน 58,471 ตัน มังคุด 12,105 ตัน และเงาะ 13,699 ตัน รวมทั้งสิ้น 84,275 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต้องบริหารจัดการในกรณีที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 ทำให้ส่งออกตลาดจีนไม่ได้

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งนายกสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทย         อุปนายกสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยภาคตะวันออก และนายกสมาคมผู้ส่งออกผักและผลไม้ กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ได้ข้อสรุป 2 มาตรการหลักในส่วนของผลไม้ คือ 1) มาตรการช่วยเหลือในการกระจายและควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตร และ 2) มาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ ซึ่งในแต่ละมาตรการจะมีโครงการย่อยและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ ในการร่วมรณรงค์บริโภคผลไม้และกระจายผลผลิตไปยังแหล่งต่างๆ จำนวน 84,275 ตัน

ด้านนายทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) กล่าวว่า มาตรการที่ 1 การช่วยเหลือในการกระจายและควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตร มี 4 โครงการย่อย ประกอบด้วย 

              (1) โครงการประสานใจเกษตรกรไทยสู่พี่น้องชาวจีนสู้ วิกฤต COVID-19 ส่งมอบผลไม้ไทยให้พี่น้องชาวจีน ช่วงวันที่ 25 เม.ย. – 10 พ.ค. 2563 ซึ่งหากสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 สงบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านการเกษตร และทูตพาณิชย์ จะเดินทางไปจัด Road Show และส่งมอบผลไม้ด้วยตนเองเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค เป้าหมาย ทุเรียน 20 ตัน และมังคุด 20 ตัน

 (2) โครงการรณรงค์ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ภายในประเทศ Eat Thai First ได้แก่ 1. จัดสถานที่จำหน่ายผลไม้ที่จะออกช่วง เม.ย. – พ.ค. เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้บริโภคผลไม้ไทยเกรด Premium ในราคายุติธรรมตามฤดูกาล ซึ่งขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้ประสานงานกับตลาดไทและ Home pro เรียบร้อยแล้ว มี เป้าหมายการจำหน่ายสินค้าทั้ง 2 แห่ง รวม 1,200 ตัน โดยตลาดไทยินดีให้ใช้พื้นที่ในช่วงฤดูกาลผลิต

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรอยู่ระหว่างติดต่อกับ ซีคอนสแควร์ Home pro, IT Square, Tesco Lotus, Big C, Tops,  iconsaim และสถานีบริการน้ำมัน เป้าหมาย 3,000 ตัน 2. ขอความร่วมมือทุกส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่สนับสนุนการบริโภคผลไม้ไทย อาหารไทย และใช้ดอกไม้ไทยประดับสถานที่ ในการจัดประชุมสัมมนาและงานต่างๆ เป้าหมาย 3,000 ตัน 3. กรมส่งเสริมการเกษตรได้คัดเลือกเกษตรกร และเกษตรกรแปลงใหญ่ลงทะเบียนกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อกระจายสินค้าสู่ตลาดปลายทาง เป้าหมาย 2,000 ตัน 4. เชิญชวนภาครัฐและภาคเอกชนที่มีศักยภาพ อาทิ ตลาดหลักทรัพย์ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย SCG ฯลฯ ช่วยซื้อผลไม้ เป้าหมาย 1,000 ตัน 5. ส่งเสริมการขายผ่านระบบออนไลน์ เช่น  Alibaba, Shopee, Lazada, อ.ต.ก. Online และ อ.ต.ก. Market เป้าหมาย 2,000 ตัน 6. กรมส่งเสริมสหกรณ์จะบริหารจัดการโครงการสนับสนุนการกระจายผลไม้ของสถาบันเกษตรกร โดยขอใช้งบกลาง จำนวน 45.0372 ล้านบาท เป้าหมาย 80,000 ตัน

 (3) โครงการสินค้าเกษตรไทยปลอดภัยจาก COVID-19 ขอความร่วมมือหน่วยงานในพื้นที่ให้เข้มงวดเกี่ยวกับสุขอนามัยของแรงงาน เช่น การแต่งกายที่รัดกุม มีหน้ากากป้องกัน เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าเกษตรไทย 

               (4) โครงการหาตลาดใหม่สินค้าเกษตรเพิ่มเติม ได้แก่ การจัดแคมเปญ/นิทรรศการ/Road Show/Exhibition ในประเทศต่างๆ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรเตรียมจัดกิจกรรมระหว่างเดือนสิงหาคม – กันยายน ณ ประเทศ ออสเตรเลีย UAE ตุรกี จีน และญี่ปุ่น โดยเจรจากับประเทศตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย ตุรกี อินโดนีเซีย รัสเซีย อาร์เจนตินา อินเดีย เกาหลี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมความพร้อม

สำหรับมาตรการที่ 2 การช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการ ได้แก่ มาตรการช่วยลดภาระทางการเงิน โดยความร่วมมือ ธ.ก.ส. ผ่อนปรนการชำระหนี้ให้กับเกษตรกร โดยบอร์ด ธ.ก.ส. ได้พิจารณาอนุมัติมาตรการ ช่วยเหลือเกษตรกร คือ 1. ให้ปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้โดยปลอดการชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี ระยะเวลาการดำเนินมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 – 31 ธันวาคม 2564 และ 2. สนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูเพื่อเสริมสภาพคล่องให้เกษตรกร สถาบันเกษตร และผู้ประกอบการเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องดำเนินธุรกิจ 

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...