เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายเกรียงไกร เดชสูงเนิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา กับพวก 3 ราย คือ นายสิทธิเดช วีระชัย นางนงนุช พลจันทึก นางเฉลิมศรี เทพบาล ทุจริตในการเบิกจ่ายเงินโครงการฝึกอบรมปีงบประมาณ 2552 จำนวน 3 โครงการ
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 151 , 157 และ 162 (4) ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายเกรียงไกร เดชสูงเนิน จำเลยที่ 1 และ นายสิทธิเดช วีระชัย จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 , 151 , และมาตรา 162 ประกอบมาตรา 83
ให้ลงโทษจำเลยทั้ง 2 ราย ตามมาตรา 151 อันเป็นบทหนักในแต่ละกรรมลงโทษ จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 3 กระทง 15 ปี
เฉพาะจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ จึงให้ลดโทษหนึ่งในสามคงจำคุก 10 ปี
นางนงนุช พลจันทึก จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 157 , 162 ประกอบ มาตรา 83 ลงโทษตามมาตรา 157 อันเป็นบทหนักในแต่ละกรรม ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 ปี
นางเฉลิมศรี เทพบาล จำเลยที่ 4 มีความผิดตาม มาตรา 157 , 162 (4) ประกอบ มาตรา 86 ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม มาตรา 157 ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 4 เดือน รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 3 ปี 1 เดือน
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2563 เห็นชอบไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
ถ้าหาก นายเกรียงไกร เดชสูงเนิน นายสิทธิเดช วีระชัย นางนงนุช พลจันทึก นางเฉลิมศรี เทพบาล รับทราบข่าวนี้ และประสงค์ที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม สามารถติดต่อกลับมาที่สำนักข่าวอิศราได้ตลอดเวลา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ