ที่พิพิธภัณฑ์ท่านหนูฮัก พูมสะวัน อ.เมือง จ.มุกดาหาร นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มุกดาหาร ในนามคณะก้าวหน้า เดินทางเยี่ยมชมพิชมพิพิธภัณฑ์ พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการเดินทางมาในครั้งนี้ โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า เป็นการมาพบปะ ขอบคุณ และให้กำลังใจทีมงานอดีตพรรคอนาคตใหม่ในพื้นที่ภาคอีสาน รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะนับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไป เราก็เจอกับการระบาดของโควิด -19 ตอนนี้เริ่มผ่อนคลายแล้ว ตนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จึงอยากจะเดินทางไปขอบคุณทีมงานอนาคตใหม่ซึ่งเรามีทีมทำงานอยู่ทั่วประเทศ ครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่จังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร และปิดท้ายที่จังหวัดสกลนคร
นายปิยบุตร กล่าวว่า นอกจากเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นแล้ว ก็จะไปรับฟังปัญหาของพี่น้องโดยเฉพาะเรื่องที่ดินด้วย เช่น ปัญหาที่ดินของคนจนเมืองในชุมชนเกตุแก้ว อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ปัญหาทวงคืนผืนป่าใน ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร รวมถึง ปัญหาเหมืองแร่โพแทส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เป็นต้น แต่ทั้งนี้ การเดินทางตั้งแต่เริ่มต้นก็เจอปัญหา เจ้าหน้าที่สันติบาล เจ้าหน้าทีฝ่ายความมั่นคง ตามไปทุกจุด ไปดักรอร้านอาหาร โรงแรม ขับรถตาม รวมถึงยังโทรศัพท์หาทีมงานคณะก้าวหน้าแทบทุกจังหวัดในภาคอีสาน รวมถึงเพื่อนอาจารย์ของตนในพื้นที่ก็ถูกโทรสอบถามว่าตนจะมาหาหรือไม่ หรือจะไปไหนบ้าง ซึ่งถ้าจะตามกันขนาดนี้ ต่อไปคงต้องทำกำหนดการในการเดินทางให้รายละเอียดเลยว่าจะไปไหน พักที่ไหนเลย เอาแบบนั้นเลยหรือไม่ จะได้ไม่ต้องโทรศัพท์ไปรบกวนคนอื่น
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น ตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่เราเคยคัดเลือกว่าที่ผู้ลงสมัครในระดับ อบจ. ไว้บ้างแล้ว ประมาณ 20 แห่ง ซึ่งตั้งใจจะนำมาผลักดันต่อในนามคณะก้าวหน้า แต่ถ้าถามถึงทั้งประเทศ ซึ่งมีองค์กรปกรครองส่วนท้องถิ่นแบบต่างๆ อยู่ 7,800 แห่ง เราตั้งใจว่าจะส่งอย่างน้อย 4,000 แห่ง และคิดว่าครั้งนี้เป็นจะมิติสำคัญสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะลงกันเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นกลุ่มแบบทีมเดียวกันทั่วประเทศแบบนี้ ครั้งนี้ เราตั้งใจพลิกมิติใหม่เป็นทีมงานใหญ่ของคณะก้าวหน้าที่มาร่วมกันออกแบบนโยบาร่วมกับท้องถิ่นนั้นๆ และนอกจากนี้เราไม่ได้มีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นหลายปี เชื่อมั่นว่าพฤติกรรมการเลือกตั้งประชาชนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว ดังนั้น เราต้องการสร้างมิติใหม่การเมืองท้องถิ่นแบบใหม่
"ผมและนายธนาธรตั้งใจมาทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เราให้ความสำคัญมาก สำหรับการมาร่วมทำนโยบายหาเสียงร่วมกับคนในพื้นที่ ทำงานร่วมกัน เพราะการพัฒนาท้องถิ่น เราเชื่อว่าไม่มีใครรู้ปัญหาดีเท่ากับคนในพื้นที่ และเราเชื่อว่าถ้าท้องถิ่นมีอำนาจ มีคน มีงบประมาณหรือรายได้เพียงพอ จะสามารถพัฒนาดึงศักยภาพตัวเองออกมาได้เป็นอย่างดี เช่น วันนี้ที่มาดูพิพิธภัณฑ์ท่านหนูฮัก พูมสะวัน อดีตประธานประเทศลาว จุดที่ท่านเกิดเติบโตใช้ชีวิตช่วงหนึ่งที่นี่ สามารถสานต่อเป็นนโยบายต่อยอดได้สำหรับท้องถิ่น งบประมาณมาสนับสนุน สร้างศูนย์การเรียนรู้ สร้างความสำคัญเรื่องวัฒนธรรมเรื่องวัฒนธรรมสองฝั่งโขง เป็นต้น "นายปิยบุตร กล่าว