ที่วัดสามัคคีธรรม เขตลาดพร้าวกลุ่มสหภาพแรงงานองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กว่า 300 คน นัดชุมนุมใหญ่สหภาพแรงงานองค์การค้าของ สกสค. กรณีคณะกรรมการองค์การค้าของ สกสค.มีมติให้เลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่ จำนวน 961 คน
โดยนายนิวัติชัย แต่งไพร ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าของคุรุสภา กล่าวว่า สหภาพแรงงานองค์การค้าของ สกสค. ขอเรียกร้องให้ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. ทบทวนมติและยกเลิกคำสั่งองค์การค้าของสกสค.ที่ 85/2563 ให้เลิกจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ก่อน ซึ่งมีเหตุผลประกอบการพิจารณา ดังนี้ 1.องค์การค้าของ สกสค. มีภารกิจหลัก คือ การพิมพ์และจำหน่ายหนังสือเรียนต้นฉบับจากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดังนั้นองค์การค้าของ สกสค.จึงมีรายได้ที่แน่นอนสามารถบริหารสร้างรายได้และไม่ควรขาดทุน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ นำงานไปจ้างบริษัทเอกชนภายนอกพิมพ์เป็นการเปิดช่องว่างให้เกิดการทุจริตในการจ้างงาน ซึ่งประเด็นนี้มีการร้องเรียนมาที่สหภาพแรงงานฯ และเรื่องถูกส่งไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนมาโดยตลอด และการสอบสวนบางคดีมีการชี้มูลความผิดแล้ว แต่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบไม่มีการดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ขาดทุนแต่ไม่มีการหยิบยกมาแก้ไข
นายนิวัติชัย กล่าวต่อว่า 2.หนี้สะสมขององค์การค้าของ สกสค.จนถึงปัจจุบัน จำนวน 5,700 ล้านบาทนั้น หากเข้าไปตรวจสอบจะพบว่า เป็นการสร้างหนี้ของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.แต่ละคน ตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการนำเงินที่ขอกู้มาจ่ายค่าจ้างพิมพ์หนังสือเรียนที่นำไปจ้างเอกชนภายนอกพิมพ์ ซึ่งเป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ในการขอกู้เงินส่งผลให้องค์การค้าของ สกสค.เกิดความเสียแบกรับภาระหนี้พร้อมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น 3.การกล่าวหาพนักงานและเจ้าหน้าที่ล้นงาน ค่าใช้จ่าย ค่าจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่สูง ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลหลักฐานเอกสารรายงานค่าใช้จ่ายกับสัดส่วนของงานและรายได้ในอัตราเฉลี่ยของรายได้ด้วยว่าอยู่ในอัตราส่วนของโครงสร้างราคาขายและกำไรที่ควรจะเป็นหรือไม่ และในอัตราส่วนโดยรวมของค่าจ้างพิมพ์รวมกับค่าจ้างพนักงานเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค. รวมเป็นสองเด้ง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขาดทุน รวมถึงหากพนักงานและเจ้าหน้าที่ล้นงานแต่เหตุใดงานพิมพ์หลักที่เป็นขององค์การค้าฯผู้บริหารต้องไปจ้างบริษัทเอกชนภายนอกพิมพ์
“4.หากเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดเช่นนี้การพิมพ์แบบเรียนต้นฉบับของสสวท.และสพฐ.จึงเท่ากับว่าองค์การค้าฯต้องยุติภารกิจทั้งหมดความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจบานปลายไปถึงการละเมิดสัญญาข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่กฎหมายกำหนด และ5.หนี้สินและความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากความผิดพลาดในการบริหารจัดการของผู้บริหารทั้งสิ้น การที่คณะกรรมการองค์การค้าของ สกสค.มีมติเลิกจ้างพนักงานนั้น จึงเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมส่งผลกระทบกับการดำรงชีพ”ประธานสหภาพแรงงานฯ กล่าว
ด้านนายอารีย์ สืบวงศ์ ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2539-2540 องค์การค้าของ สกสค.มีกำไรสูงสุดกว่า 1,500 ล้านบาทส่งผลให้เจ้าหน้าที่และพนักงานได้รับโบนัสมากถึง 2 เท่า แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาองค์การค้าของ สกสค.ไม่มีกำไรสะสมจนต้องเริ่มโครงการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงนำทรัพย์สินที่มีไปจำนองไว้ ซึ่งในที่สุดการกู้เงินไม่ได้นำมาช่วยองค์กร แต่นำเงินจากการกู้ไปจ้างบริษัทเอกชนภายนอกพิมพ์หนังสือเรียน และมีผู้ร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลเรื่องนี้มาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีผลสรุปชี้ชัดเจน ว่า เส้นทางการทุจริตมาจากไหนจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นขอผู้บริหาร ศธ.อย่ามาอ้างพนักงานและเจ้าหน้าที่ว่าเป็นต้นทุนที่มากเกินไปจนทำให้พนักงานและเจ้าหน้าที่จำนวน 961 คนต้องมารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่สาเหตุที่แท้จริงแล้วคือการทุจริตและคอรัปชั่นในองค์กร และการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เราจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด