ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ธรรมาภิบาล ย้อนกลับ
มท.1 ห่วงใยประชาชน สั่งการทุกจังหวัดดำเนินแนวทางป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยและอุบัติภัยในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2564
29 ม.ค. 2564

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 10 – 12 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ตามประเพณีปฏิบัติของชาวไทยเชื้อสายจีน จะมีการสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษ ด้วยการจุดธูปเทียนบูชา เซ่นไหว้ เผากระดาษเงินกระดาษทอง จุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุการเกิดอัคคีภัย รวมถึงอุบัติภัยขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลดังกล่าว ยังเป็นช่วงวันหยุดพักผ่อนของชาวไทยเชื้อสายจีน จึงมักจะมีการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจากการจราจรทั้งทางบก และทางน้ำ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยและอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว จึงได้สั่งการไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดดำเนินการ 1) ด้านเตรียมความพร้อม โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง สำรวจ ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงกระบวนการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกภาคส่วนให้เกิดความชัดเจน เข้มงวดตรวจตราอาคารสถานที่ โป๊ะ ท่าเทียบเรือโดยสาร ที่มีสภาพไม่มั่นคง แข็งแรง อาจก่อให้เกิดสาธารณภัยได้โดยง่าย และซ่อมแซมให้มั่นคงแข็งแรงตามอำนาจหน้าที่ เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และระบบสื่อสารเตรียมความพร้อม ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานออกเฝ้าระวัง ตรวจตรา อาคารบ้านเรือน พื้นที่ชุมชน สถานประกอบการ และสถานบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ที่มีการจัดงานเฉลิมฉลอง และมีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิงโดยเคร่งครัด รวมไปถึงประสานการปฏิบัติกับเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ให้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามมาตรการความปลอดภัยทางถนน ได้แก่  ความเร็วเกินกำหนด ขับรถย้อนศร ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่มีใบขับขี่ แซงในที่คับขัน เมาสุรา ไม่สวมหมวกนิรภัย มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย และใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ อย่างเคร่งครัด โดยจัดให้มีจุดตรวจตามจุดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุตามสภาพพื้นที่ และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางปฏิบัติตนในการป้องกันและระงับอัคคีภัยเบื้องต้น รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกประเภท ให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษในการจุดธูปเทียนบูชา เซ่นไหว้ เผากระดาษเงิน กระดาษทอง ตลอดจนการจุดประทัด ตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ง่าย ตลอดจนบทลงโทษทางกฎหมายกรณีการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน

และ 2) ด้านการเผชิญเหตุ ให้จัดชุดเจ้าหน้าที่และสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) และประสานการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนจิตอาสา เฝ้าระวังสถานที่ และกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย เช่น การจุดประทัด ดอกไม้เพลิง รวมทั้งความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติภัยในกรณีอื่น ๆ ได้โดยง่าย และจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์กู้ภัยและไฟฟ้าส่องสว่าง เตรียมความพร้อมในพื้นที่ หรือชุมชนแออัดที่มีความเสี่ยงภัย เพื่อเฝ้าระวังเหตุ และพร้อมปฏิบัติงานได้ในทันทีที่เกิดภัย รวมทั้งจัดระเบียบการจราจรและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร รักษาความสงบเรียบร้อย และเฝ้าระวังความปลอดภัยบริเวณที่มีประชาชนหนาแน่น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน และสถานที่ท่องเที่ยว โดยหากเกิดอัคคีภัย อุบัติภัยหรือสาธารณภัยอื่นที่มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ให้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และรายงานให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางทราบทันที 

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงการเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) จึงให้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงวัฒนธรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานเทศกาลอย่างเคร่งครัดด้วย

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...