วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2559 พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายจอห์น วอลเตอร์ส ประธานสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศและผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐนามิเบีย ร่วมกันเปิดงาน“การจัดประชุมระดับโลกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11” (The 11th World Conference of the International Ombudsman Institute) ภายใต้หัวข้อ “วิวัฒนาการของความเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน” ณ ห้องบอลรูม 1 - 3 โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเท็ล แอนด์ ทาวเวอร์ส กรุงเทพมหานคร

           โดยพลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่าผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศตั้งแต่ พ.ศ. 2544 มีเป้าหมายเพื่อแสวงหาความร่วมมือทางวิชาการในการที่จะพัฒนางานด้านการสอบสวนเรื่องร้องเรียนให้มีมาตรฐานในระดับสากล และเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียน รวมถึงส่งเสริมให้มีระบบการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่มีมาตรฐานสากล เพื่อที่จะได้นำความรู้และประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศและสังคมโดยรวม ซี่งการจัดการประชุมระดับโลกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศนั้นจะจัดขึ้นเป็นประจำทุก 4 ปี โดยในครั้งนี้ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับโลกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศครั้งที่ 11 นับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดประชุมในภูมิภาคเอเชีย สำหรับการประชุมนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมจำนวน 114 องค์กร จาก 6 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ Africa, Asia, Australasia & Pacific, Caribbean & Latin America, Europe และ North America

           ทั้งนี้ พลเอก วิทวัส กล่าวต่อว่าการประชุมได้เริ่มขึ้นอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (Board of Directors of IOI) ของทุกภูมิภาคกว่า 40 คน เพื่อร่วมกันกำหนดนโยบายและพัฒนาการขององค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินที่สนับสนุนการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อย้ำถึงวาระการประชุมสำคัญที่จะมีขึ้น โดยเฉพาะหัวข้อด้านวิวัฒนาการของผู้ตรวจการแผ่นดิน และความท้าทายในอนาคตขององค์กรด้านการตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพถึงทิศทางในการตรวจสอบอำนาจรัฐที่จะทำให้ประชาชนได้รับการดูแลที่ดียิ่งขึ้น และในวันที่ 15 พฤศจิกายนได้จัดการประชุมสมัชชาใหญ่สถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ โดยมีการกล่าวถึงในประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องแผนยุทธศาสตร์ของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2563  ผู้ตรวจการแผ่นดินภายใต้สภาวะการถูกคุกคามการรายงานความคืบหน้า และสถานะปัจจุบันขององค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง 6 ภูมิภาค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอความเห็นชอบในร่างปฏิญญากรุงเทพ นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับการพิจารณาประเทศเจ้าภาพในการจัดประชุมครั้งต่อไป ในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งประเทศไอร์แลนด์ได้เสนอความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 12  ส่วนในวันที่ 16 - 18 พฤศจิกายนนี้จะมีการจัดอภิปรายที่น่าสนใจทั้งในด้านการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีอำนาจหลากหลายมากขึ้น อาทิ ด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ในการสนับสนุนงานของผู้ตรวจการแผ่นดินด้านการบริหารจัดการเมื่ออยู่ในภาวะวิกฤติและภัยคุกคาม รวมทั้งด้านเสรีภาพทางข้อมูลข่าวสารและการทำงานร่วมกับสื่อมวลชน

           ขณะที่นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประชุมครั้งนี้ได้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศในระดับภูมิภาค ซึ่งสมาชิกในระดับภูมิภาคเอเชียจาก 17 ประเทศจะเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ซึ่งผลการเลือกตั้งผู้ที่ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารฯ ระดับภูมิภาคเอเชีย คือ พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน, Mr. Asad Ashraf MALIKผู้ตรวจการแผ่นดินจากแคว้นสินธ์ (Sindh) ประเทศปากีสถาน ,และ Mr.Yung-hoon SUNG ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งคณะกรรมการนี้จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้แทนภูมิภาคเอเชียในการประสานงานกับสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับกิจการของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารที่สำคัญต่าง ๆ รวมทั้งนำสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์จากการประชุมสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (IOI) มานำเสนอในภูมิภาคตนเองเพื่อให้เกิดการพัฒนาความร่วมมือต่อไป