DigiC : โดย อ.ธวัชชัย สุขสีดา (อ.ตันรัก) วิทยากรตลาดดิจิทัล
เมื่อสินทรัพย์บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่ ‘เงิน'
วันนี้เข้าสู่ยุคของการแข่งขันบนโลกดิจิทัลเต็มรูปแบบ หลายคนคงทราบว่าการใช้เงินเป็นตัวกลาง ในการซื้อขายพัฒนามาจากระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าในอดีต เริ่มต้นจากการที่ชาวบ้านนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกัน แลกผักเป็นปลา แลกผ้าซิ่นเป็นข้าวสาร แต่ก็เกิดความไม่สะดวกเมื่อต้องแลกเปลี่ยนสินค้าชิ้นใหญ่ ๆ หรือจำนวนมาก หรือต้องเปรียบเทียบมูลค่าสิ่งของคนละประเภท แต่ละประเทศจึงพัฒนาระบบเงินตราสกุลเงินของตนเองขึ้นมา เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
เมื่อเทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้นข้อมูลทุกอย่างสามารถเปลี่ยน ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลเพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ โดยไม่จำเป็นต้องเขียนบันทึกบนกระดาษเหมือนเมื่อก่อน “มูลค่าเงิน” จึงถูกแปรเป็นข้อมูลดิจิทัลด้วยเช่นกัน โดยยังใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้ตามปกติ โดยมีการพัฒนา ‘เงินดิจิทัลยุคใหม่’ ที่มีความเป็นสากล และมีความยืดหยุ่นในการใช้สอยในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งพูดง่าย ๆ การใช้เงินดิจิทัลหรือที่เรียกว่า สกุลเงินคริปโท (Cryptocurrency) เป็นวิวัฒนาการของเงินตราในปัจจุบันโดยเปลี่ยนจากการถือและใช้จ่ายด้วยเงินสด
เพื่อเพิ่มความสะดวกในการพกพา การโอน การซื้อขาย และอื่น ๆ ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่าเงินตราปกติ โดยในโลกนี้มีหลายสกุลเงิน ทั้งบาท ดอลลาร์ หยวน ยูโร ฯลฯ สกุลเงินคริปโทเองก็มีหลายสกุลเงินเช่นเดียวกัน เช่น บิตคอยน์ อีเธอเรียม
และเมื่อสินทรัพย์บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่ ‘เงิน' เพียงอย่างเดียว หากยังหมายถึงสิ่งที่มีมูลค่าอื่น ๆ ด้วย เช่น หุ้น ตราสารหนี้ พันธบัตร ซึ่งสามารถใช้ลงทุนให้เกิดดอกผลได้ ดังนั้น สินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบัน จึงไม่ได้มีเฉพาะเงินคริปโทเท่านั้น แต่เรายังสามารถแปลงสินทรัพย์ที่มีมูลค่า เช่น อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม โรงงาน ให้เป็น “โทเคนดิจิทัล (Digital Token)” ตามกฎหมายของประเทศไทยแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก 1.โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) เปรียบเสมือนหน่วยลงทุนที่ใช้ลงทุนในกิจกรรมต่าง ๆ 2.โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) เปรียบเสมือนแต้ม ไว้แลกสินค้าและบริการ
เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลทั้ง “สกุลเงินคริปโท” และ “โทเคนดิจิทัล” ล้วนอยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิทัล จึงจำเป็นต้องถูกจัดเก็บ ในระบบที่มีความปลอดภัยสูงและป้องกันการเจาะเข้าระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบที่ถูกใช้ในธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลคือ “บล็อกเชน (Blockchain)” ซึ่งมีความมั่นคงปลอดภัยสูงมาก เมื่อบันทึกข้อมูลแล้วจะแก้ไขได้ยากมาก ๆ เพราะมีการกระจายสำเนาเก็บไว้หลาย ๆ ที่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้รายใดรายหนึ่ง เปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยทุจริต
ดังนั้นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นวิวัฒนาการของเงินตรา และการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและเปิดโอกาสใหม่ในการลงทุนให้แก่ทุกคนที่สนใจ เพราะสินทรัพย์ทุกชนิดที่มีมูลค่า ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ โรงงาน สินค้าและบริการ ไปจนถึงผลผลิตทางการเกษตร สามารถถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลได้ทั้งสิ้น
ทำให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนที่หลากหลายกว่าตลาดทุนแบบดั้งเดิม สินทรัพย์ดิจิทัล จึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นทรัพย์สินรูปแบบใหม่ที่เราควรศึกษาและทำความเข้าใจถึงประโยชน์ของมันทำได้ง่ายไม่ต่างจากการกดซื้อสินค้าออนไลน์เลยครับ
# อ้างอิงข้อมูลจากคุณอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SE Digital