ปากเสียงของ
คนท้องถิ่น
เพื่อการพัฒนาประเทศ
วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2567
หน้าแรก
อปท. นิวส์
เกี่ยวกับอปท. นิวส์
โปรไฟล์ผู้บริหาร
ข่าวสาร
ข่าวเด่น / ไฮไลท์
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์
สังคม / บุคคล
ท้องถิ่นไทย
ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ
การเมือง / การปกครอง
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก
ธรรมาภิบาล
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม
คุณภาพชีวิต
เศรษฐกิจชุมชน
เกษตรนำไทย
สื่อสาร - คมนาคม
ท่องเที่ยว
ข่าววงใน!!!
ปฏิทินข่าว
อปท.นิวส์โพล
ข่าวย้อนหลัง
วิดีโอ
ฉบับย้อนหลัง
สมัครสมาชิก
ติดต่อโฆษณา
ติดต่อเรา
ร่วมงานกับเรา
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม
ย้อนกลับ
กรมอุทยาน ฯ ให้แนวทางเรื่องบ้านบางกลอยกับการเป็นมรดกโลก
05 ก.ย. 2564
กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ ให้แนวทางเรื่องบ้านบางกลอยกับการเป็นมรดกโลกของกลุ่มป่าแก่งกระจาน จากกรณีที่เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) ได้ออกแถลงการณ์กรณีกลุ่มป่าแก่งกระจานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติว่าเครือข่ายฯ มิอาจร่วมแสดงความยินดีต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกดังกล่าวได้ เนื่องจากไม่มีการขอฉันทามติและการยินยอมจากชุมชน สะท้อนว่ามีการละเลยและไม่คำนึงถึงสิทธิของชุมชนดั้งเดิมที่อยู่อาศัยมาก่อนการประกาศพื้นที่อนุรักษ์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของชาวกะเหรี่ยง ยกฟ้องดำเนินคดีกับชาวบ้านบางกลอยในข้อหาบุกรุกและทำลายป่ายุติการคุกคามต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ลงไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน และรับฟังความคิดเห็นและเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลก นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เปิดเผยว่าจากแถลงการณ์ของ คชท.ที่เรียกร้องในการแก้ไขปัญหาของชาวกระเหรี่ยง ให้เป็นยังเป็นไปตามมติของคณะกรรมการมรดกโลกนั้น ในปัจจุบัน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ตลอดจนกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ได้ดำเนินการสำรวจการถือครองที่ดินในเขตอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติทั้งสองดังกล่าวข้างต้นเสร็จแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดระเบียบปฏิบัติในการดำเนินการให้เป็นไปตาม มาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 สำหรับการขอให้ยกฟ้องดำเนินคดีกับชาวบ้านบางกลอยในข้อหาบุกรุกและทำลายป่า เพราะอ้างว่าสิ่งที่ชาวบ้านกระทำไปนั้นเป็นการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพตามแนววิถีปฏิบัติ ตามประเพณีในพื้นที่บรรพบุรุษของตนเท่านั้น จากการตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พื้นที่บริเวณที่เรียกว่าใจแผ่นดิน ซึ่งอยู่ใกล้แดนไทย-เมียนมา และเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A นั้น กรมการปกครองยืนยันว่าไม่เคยจดทะเบียนบ้านใจแผ่นดินในสารบบของกรมการปกครองแต่อย่างใด จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2539 พื้นที่บริเวณใจแผ่นดินเกิดปัญหาชายแดนที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มีการสูญเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนพบว่ามีกลุ่มคนเข้าไปตั้งเพิงพักในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A ใกล้กับฐานปฏิบัติการใจแผ่นดิน บริเวณบางกลอยบนและห้วยสามแพร่ง โดยไม่มีสิทธิในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย หน่วยงานความมั่นคงจึงได้เจรจาให้คนกลุ่มดังกล่าว ลงมาอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ที่รัฐจัดให้บริเวณพื้นที่บ้านบางกลอย (ล่าง) ซึ่งอยู่ใกล้บ้านโป่งลึกซึ่งมีกลุ่มชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่มาก่อนแล้ว เพื่อให้ได้รับสวัสดิการพื้นฐาน เช่น โรงเรียน สถานีอนามัย และมีโครงการพัฒนาเพื่อฟื้นฟูคุณภาพชีวิตโดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจัดตั้งเป็นหมู่บ้านตามสารบบของกรมการปกครอง เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านอย่างมั่นคงและยั่งยืนอย่างไรก็ตามในระหว่างการเคลื่อนย้ายชาวบ้านมาอยู่อาศัยที่บ้านโป่งลึก - บางกลอย (ล่าง) ในช่วงปี พ.ศ. 2541 – 2552 นั้น กลับมีกลุ่มคนบางส่วนย้อนกลับขึ้นไปยังบริเวณพื้นที่บางกลอย (บน) และบุกรุก โค่นล้มต้นไม้ใหญ่เพื่อปลูกข้าวไร่ พริก รวมทั้งพบการปลูกกัญชา ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุกตามกฎหมายและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินในบริเวณพื้นที่ที่บุกรุกและฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกให้ฟื้นฟูกลับสู่สภาพธรรมชาติเดิม ทั้งนี้ กรณีการขอกลับขึ้นไปที่ใจแผ่นดินนั้น ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษากรณีผู้ฟ้องคดีขอกลับคืนพื้นที่ใจแผ่นดินว่า ผู้ฟ้องคดีไม่มีสิทธิที่จะอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทได้ เนื่องจากที่ดินพิพาทอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และผู้ฟ้องคดีไม่มีหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินหรือหลักฐานแสดงการได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น ศาลจึงไม่อาจกำหนด คำบังคับให้ผู้ฟ้องคดีกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยให้กลับไปอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่เดิมได้ ประกอบกับนายโคอิ มีมิ หรือปู่คออี้ ที่ระบุในคำพิพากษาว่าเกิดที่ใจแผ่นดินนั้น มีพยานหลักฐานยืนยันว่า นายโคอิ มีมิ หรือปู่คออี้ เคยให้ถ้อยคำต่อสภาทนายความว่า ตนเกิดที่ต้นน้ำภาชี จังหวัดราชบุรี และได้อพยพข้ามมาอยู่บ้านบางกลอย (บน) เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2484 อันแสดงว่านายโคอิ มีมิ หรือปู่คออี้ ไม่ได้อยู่ในผืนป่าแก่งกระจานมาแต่เดิม แต่ย้ายถิ่นฐานมาจากที่อื่น และเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม สำนักงานสนับสนุนการป้องกันปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 144 กองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 1 (ค่ายฝึกการรบพิเศษแก่งกระจาน) กองการบิน สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันออกลาดตระเวน ตรวจตราการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตามแผนการบินตรวจสภาพป่า ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2564 พ.ศ. 2562 แต่อย่างใด คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่บุกรุกดังกล่าว พร้อมจับกุมผู้ต้องหา รวม 22 ราย นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจานเพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยคดีดังกล่าว ศาลจังหวัดเพชรบุรี นัดฟังคำฟ้องในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 นายธัญญา เนติธรรมกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่เคยคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่ม หรือบุคคลที่ลงไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแต่อย่างใด ในส่วนของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นั้น ได้ให้ความสำคัญในการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และให้ความร่วมมือในการติดต่อประสาน อำนวยความสะดวกในการเข้าพื้นที่ เพื่อการบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ชุมชนบ้านบางกลอยมาโดยตลอด ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวก การสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ขนย้าย และการสนับสนุนยานพาหนะเพื่อขนส่งสิ่งของ แต่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในพื้นที่นั้น เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ มีความจำเป็นต้องมีความเข้มงวดในการเข้า-ออก พื้นที่ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้มีการแพร่เชื้อ ทั้งนี้ เป็นการดำเนินมาตรการร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 นายอิทธิพล ไทยกมล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ และเจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 144 กองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 1 (ค่ายฝึกการรบพิเศษแก่งกระจาน) ได้ร่วมกันรับมอบเสบียงอาหารแห้ง อาทิ ข้าวสาร ปลาแห้ง น้ำตาลปี๊บ นมกล่อง หัวหอมแห้ง กระเทียม ฟัก วุ้นเส้น เวชภัณฑ์ต่าง ๆ จาก ตัวแทนภาคประชาสังคมจ.เพชรบุรี ผู้แทนภาคีเครือข่าย SAVE บางกลอย เพื่อนำไปมอบให้กลับราษฎรบ้านโป่งลึกบางกลอย ทั้งนี้ ในการลำเลียงขนส่งเสบียงอาหารดังกล่าวต้องใช้ทั้งรถยนต์ส่งต่อไปยังเรือยางก่อนนำขึ้นรถยนต์ลำเลียงไปส่งมอบให้พี่น้องหมู่บ้านโป่งลึกบางกลอย เนื่องจากถนนบางช่วงมีน้ำท่วมขัง ระดับสูงที่สุดประมาณ 1.50 เมตร ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ พร้อมรับฟังความคิดเห็น และเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่มรดกโลก ซึ่งเป็นพื้นที่บรรพบุรุษและพื้นที่จิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงด้วย ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ โดยมีแนวทางในการดำเนินการเพิ่มสัดส่วนผู้แทนชุมชนท้องถิ่นในคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ และคณะกรรมการที่ปรึกษาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยให้มีผู้แทนจากกลุ่ม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อกำหนดแผนในการจัดทำโครงการศึกษาและการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่แหล่งมรดกโลกอย่างยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อคนอยู่กับป่าอย่างสมดุลต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เฉลิมชัย สั่งสวนสัตว์เชีย...
10 พ.ย. 2567
MEA มอบเงินจากแคมเปญ MEA ร...
07 พ.ย. 2567
ชป.ระดมเสริมกระสอบทราย ป้อ...
27 ส.ค. 2567
EGCO Group ขายหุ้น 49% ในโ...
24 ต.ค. 2567
TPIPL and TPIPP ได้รับกา...
01 พ.ย. 2567
เฉลิมชัย ประชุมเข้ม ติดตาม...
17 ก.ย. 2567
หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
ฉบับที่ 440 ปักษ์หลัง
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก
ดูทั้งหมด
พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) กรรมการบริหารแ...
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...