ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คอลัมนิสต์ประจำอปท.นิวส์ ย้อนกลับ
อุทธาหรณ์ทำเบิกจ่ายเป็นเท็จ
16 ก.ย. 2564

เขียนให้คิด โดย ซีศูนย์

อุทธาหรณ์ทำเบิกจ่ายเป็นเท็จ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ช่วงนี้ประเทศไทยยังต้องเผชิญวิกฤติไวรัสโควิด-19 แล้วยังมีเรื่องการเมืองทั้งในสภาและท้องถนนที่ล้วนแล้วแต่น่าวิตก และแน่นอนครับ วิกฤติเศรษฐกิจหลังจากนี้ก็เป็นปัญหาหนักหน่วง ที่หากว่าถ้าแก้ไขไม่ได้จะส่งผลใหญ่หลวงกับประเทศแน่นอน อีกเรื่อง เมื่อปลายเดือนสิงหาคม กกต.ได้แถลงข่าวว่า อาจจะมีการเลือกตั้ง อบต.และ กทม.ราวปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ก็คงต้องไปหารือกับรัฐบาลก่อนว่า จะจัดเลือกตั้งได้หรือไม่ ถ้าปัญหาโรคโควิดยังไม่หมดก็ล้วนแต่เป็นปัญหาบ้านเมืองทั้งสิ้นครับ

ว่าเรื่องเล่าของเราต่อดีกว่าครับ คราวนี้จะเล่าเรื่องการศึกษาดูงานของ อบต.แห่งหนึ่ง เหตุเกิดมาประมาณสักสิบปีเศษแล้ว แต่ก็ยังเป็นอุทธาหรณ์มาจนทุกวันนี้ได้ครับ เรื่องมีอยู่ว่า นายก อบต.แห่งหนึ่ง ได้อนุมัติให้มีการจัดทำโครงการศึกษาดูงานเศรษฐกิจพอเพียงตามแผนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขของพนักงานส่วนตำบล คณะผู้บริหารและสมาชิกสภา ประจำปีงบประมาณ โดยไปดูงานที่จังหวัดอยุธยา เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ รวม 3 วัน ในช่วงต้นเดือนเมษายน นายก อบต.ท่านนี้ยังอนุมัติค่าใช้จ่ายโครงการเป็นเงิน 300,000 บาทเศษ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจำนวน 73 คน ซึ่งมีทั้งผู้บริหาร พนักงาน สมาชิกสภา คนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการคือ นายช่างโยธา

นายช่างโยธาคนนี้แกจึงยืมเงินทดรองราชการไป 200,000 บาทเศษ และมีการเบิกเงินตามที่มีชื่อเดินทางจำนวน 69 คน ปรากฏว่า พอถึงวันเดินทางมีคนไปไม่ครบตามจำนวนที่เบิกจ่ายเงิน โดยวันแรกไปดูงานที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อยุธยา  ในช่วงทานอาหารเช้าหัวหน้าส่วนโยธากับนายช่างโยธาผู้รับผิดชอบโครงการได้สำรวจรายชื่อพนักงานส่วนตำบลและพนักงานจ้างที่ไม่ได้ไปศึกษาดูงานพบว่ามีจำนวน 21 คน จึงได้บันทึกเสนอนายก อบต.ให้ทราบแล้ว และก็ยังมีสมาชิกสภา อบต.อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เดินทางไปดูงานด้วย นอกจากนี้ ยังมีบุคคลภายนอกที่ไม่มีรายชื่อเข้าอบรมโครงการศึกษาดูงานร่วมเดินทางไปด้วย

ปรากฏว่า ในการเดินทางไปศึกษาดูงานทั้ง 3 วัน มีผู้เดินไปไม่ครบจำนวน 69 คน แต่มีการจ่ายค่าอาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็น รวมถึงค่าที่พักระบุจำนวน 69 คน หลังจากเดินทางกลับมา ราวสักปลายเดือนเมษายน ผู้รับผิดชอบโครงการที่เป็นนายช่างโยธานะละครับ ได้ทำบันทึกเสนอนายก อบต.เพื่อแจ้งส่งใช้เงินยืม ระบุผู้เดินทางไปศึกษาดูงานจำนวน 69 คน พอสิ้นเดือนเมษายน นายช่างโยธาคนนี้ ซึ่งแกเป็นผู้ยืมเงินทดรองราชการ ก็ได้ส่งเงินยืมจำนวนแสนกว่าบาท และยังมีเงินคงเหลืออีกสัก 11,000 บาท นายช่างโยธาเจ้าของโครงการคนนี้จึงได้นำส่งฝ่ายคลังของ อบต. ซึ่งท่านผู้อ่านจะเห็นว่า ในการส่งใช้เงินยืมได้มีหลักฐานอ้างว่า มีคนร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานทั้งที่หลายคนไม่ได้ไป แต่มีชื่ออ้างว่าเดินทางไปด้วยและมีการลงลายมือชื่อว่าเดินทางไปศึกษาดูงานทั้ง 3 วัน และได้นำเอกสารหลักฐานการลงลายมือชื่อเดินทางไปประกอบการส่งใช้เงินยืม

ทีนี้เมื่อไปไต่สวนคนที่มีชื่อร่วมเดินทางก็มีสมาชิกสภา 6 คน ดูเอกสารหลักฐานแล้วได้ให้การยืนยันว่า พวกตนไม่ได้ร่วมเดินทางไปดูงานด้วย คราวนี้ท่านผู้อ่านคงเห็นได้ว่า แม้จากพยานเอกสารระบุว่า จะมีผู้ร่วมเดินทางไปจะกี่คนก็ตาม ป.ป.ช.เขาก็จะไปสอบปากคำหรืออาจสุ่มสอบปากคำบางรายที่มีรายชื่ออ้างเป็นพยานมาตั้งแต่เมื่อมีการร้อเงรียน หรืออาจไปสอบถามแล้วเขายืนยันว่า ไม่ได้ไปหรืออาจมีคนร้องเรียนเป็นฝ่ายตรงข้ามนายกคนนี้ยืนยันก็ได้เพียงไม่กี่ราย ถ้ารับฟังได้ว่าไม่ได้ไปดูงานกับคณะด้วยแล้ว ก็ย่อมมีน้ำหนักรับฟังเอาเป็นโทษผู้กระทำการทุจริตก็ได้ครับ

คราวนี้ใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดทุจริตนี้บ้างละครับ ไล่ตั้งแต่นายก อบต.รายนี้ทราบอยู่แล้วว่า มีคนเดินทางไปดูงานไม่ครบจำนวน 69 คน แต่ยังมีการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินตามหลักฐาน ก็คือฎีกาเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่าย ของ อบต.ซึ่งจะมีลงระบุเลขที่รับ วันที่รับเป็นหลักฐานชัดเจน รวมถึงใบตรวจรับการจ้างแต่ละรายการ โดยอนุมัติเงินเกินกว่าความเป็นจริงที่ตนรู้อยู่ก่อนแล้วตามรายงานของส่วนโยธา

นอกจากนี้ นายกอบต.ท่านนี้ ยังให้ผู้ไม่มีสิทธิเดินทางไปศึกษาดูงานเข้าร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งมีทั้งภรรยาของตนเองกับลูก ยังมีผู้อำนวยการโรงเรียนในเขตตำบลและลูกของหัวหน้าส่วนโยธา ซึ่งเป็นคนภายนอกไม่มีสิทธิเดินทางไปด้วยแต่อย่างใด ทีนี้จะมีใครเกี่ยวข้องอีกครับ ท่านผู้อ่านคงเดาไม่ยากว่า หัวหน้าส่วนโยธา ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการ นายช่างโยธา เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ รวมถึงเจ้าหน้าที่ธุรการของ อบต.แห่งนี้ ซึ่งอีกสถานะหนึ่งทั้ง 3 คน เป็นคณะกรรมการตรวจการจ้างตรวจรับพัสดุ ได้ตรวจรับค่าจ้างเหมาประกอบอาหารเช้า อาหารกลางวันและอาหารเย็น รวมถึงค่าเช่าที่พัก โดยระบุจำนวนคนมากกว่าความเป็นจริง ตัวนายช่างโยธาได้ยืมเงินทดรองราชการจำนวนสองแสนกว่าบาทในวันเดินทางเพื่อใช้จ่ายตามโครงการดังกล่าว และต้องส่งใช้คืนเงินยืมภายใน 15 วัน นับแต่วันเดินทางกลับ แต่นายช่างคนนี้แกส่งใช้เงินยืมช้าไป 8 วัน ก็ต้องโดนวินัยอาญาทั้ง 3 คน

คนต่อไปที่ต้องรับผิดก็ต้องเป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ซึ่งเดินทางไปด้วย ย่อมทราบอยู่แล้วว่า มีผู้ร่วมเดินทางไปไม่ครบจำนวน 69 คน ตามที่คณะกรรมการตรวจรับได้ตรวจรับการจ้างค่าอาหารและที่พักอันเป็นเท็จ เนื่องจากคนไปไม่ครบจำนวนที่เบิกจ่ายจริง และได้นำเอกสารดังกล่าว เอาเป็นหลักฐานการส่งใช้เงินยืม และเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีรายนี้ เธอยังเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุเสียด้วยสิครับ ได้รับรองในใบตรวจรับการจ้างเสนอนายก อบต.ว่า คณะกรรมการตรวจรับได้ตรวจรับเสร็จเรียบร้อยตรงตามใบสั่งจ้างทุกประการ เห็นควรพิจารณาดำเนินการต่อไป ไอ้คำนี้นะครับน้องๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุคิดให้ดีก่อนเขียนลงไป ไม่งั้นท่านจะต้องรับผิดชอบในผลแห่งการกระทำนั้นด้วย ถ้าหากไม่ถูกต้องขึ้นมา

แล้วเจ้าหน้าที่การเงินรายนี้เธอก็เดินทางไปด้วยย่อมรู้อยู่ว่า มีคนเดินทางไปไม่ถึง 69 คน และตัวเองยังเป็นคนนำเอกสารรายชื่อคนเข้ารับการอบรมไปให้คนที่ไม่ได้เดินทางไปอบรมดูงานลงลายมือชื่อว่า ได้เดินทางไปดูงานด้วยเพื่อประกอบการส่งใช้เงินยืม เลยเข้าทำเอกสารเท็จอีกกรรม ไปๆ มาๆ ทั้ง 5 คน ก็ถูกไต่สวนชี้มูลก็ต้องไปสู้กันที่ศาลในที่สุด แต่อีกคนโชคดีครับ คือหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.แห่งนี้ แกเพิ่งย้ายมาตอนที่นายช่างโยธาส่งใช้เงินยืมพร้อมเอกสารประกอบครบถ้วนแล้วไม่ได้ร่วมอยู่ในเหตุการเบิกจ่ายหรือเดินทางแต่ต้นก็เลยรอดตัวไป

ครับเรื่องที่ดูเหมือนว่า เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่มีอะไรนั้น มักจะมีอะไรอยู่เสมอครับ ถ้ายังจะทุจริตกันก็ต้องรับผลกรรมกันไปละครับ

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...