ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์กรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกไทย เตรียมนำรถบรรทุก 1 พันคัน วิ่งบนถนนหลวงทั่วประเทศ หลังไม่ได้รับความสนใจจากกระทรวงพลังงาน กรณีขอตึงกำลังน้ำมันดีเซลให้เหลือลิตรละ 25 บาท หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มมาอยู่ที่ลิตรและ 28-29 บาทในปัจจุบัน ว่า ได้พูดคุยกันแล้วและขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายแต่ทางสหพันธ์ฯเขาต้องการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ แต่อยู่ภายใต้ของกรอบและกฎหมาย แต่คงไม่ได้นำรถบรรทุกเข้ามาในเมือง คาดว่าจะอยู่ในเขตปริมณฑลเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงพลังงานเข้าใจปัญหาทั้งหมด ขณะนี้สิ่งที่ทำได้ตามนโยบายของคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ คือการตรึงราคาประมาณ 30 บาทต่อลิตร ตามแผนวิกฤตที่จะบริหารจัดการ แต่ผู้ประกอบการต้องการให้ลดลงมากกว่านั้น ซึ่งเราก็เข้าใจทุกฝ่าย
“วันนี้ถ้าราคาน้ำมันอ่อนตัวลงเมื่อไหร่ ราคาก็ต้องลง กระทรวงพยายามเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลไม่ได้ตึงแค่ราคาน้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่เรายังต้องตึงราคาแก๊สหุ้งต้ม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ และเราตึงไว้ที่ราคา 318 บาท ต่อถัง 15 กิโลกรัม ซึ่งไม่ได้ขึ้นมาเป็นปีแล้ว และใช้เงินจำนวนมาก ด้วยเหตุผลว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน รองลงมาเป็นเรื่องของค่าไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าน้ำเข้า เราพยายามตรึงราคาเพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนส่วนใหญ่” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งดีเซลหมุนเร็วเราพยายามจะไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ภาคประชาชนใช้มากที่สุด ซึ่งจากการพูดคุยกับบรรดาผู้ประกอบการ เขาก็ยืนยันว่าไม่อยากผลักดันไปจนถึงขั้นต้องปรับอัตราค่าบริการ ขณะเดียวกัน ปัจจุบันอยู่ในช่วงการฟื้นเศรษฐกิจหลังภาวะวิกฤตโควิด-19 จึงอยากให้รัฐบาลไปช่วยดูแลและตึงราคาน้ำมันให้มากกว่านี้ ซึ่งการพูดคุยเป็นไปได้ดี และในวันที่ 19ต.ค.ตนจะสรุปให้นายกรัฐมนตรี และดูแล้วคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
เมื่อถามถึงความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 4 เป็นอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อยู่ในแผนอยู่แล้ว ที่จะพิจารณาในการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 อันนี้เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพูดคุยกัน ส่วนจะกระตุ้นไตรมาสนี้เลยหรือไม่ก็ต้องดูระยะเวลาและสภาวะต่างๆ แต่ก็พยายามที่จะดูแลใกล้ชิดเนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของการฟื้นฟูแก้ไขเยียวยา อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะกู้เพิ่มเร็วๆนี้ เพราะเงินยังเหลืออยู่และดูแล้วแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น