นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานมีมติเห็นชอบแนวทางการนำแรงงานต่างด้าวเข้าราชอาณาจักร เพื่อทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MOU แต่ต้องผ่าน 8 ขั้นตอน เพื่อแก้ปัญหาแรงงานลักลอบเข้าเมือง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า แรงงานข้ามชาติที่จะเดินทางเข้าไทย นายจ้างต้องขึ้นทะเบียนเพื่อให้ทราบจำนวนความต้องการแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานต้องประสานกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้จัดส่งแรงงานเข้ามาโดยความร่วมมือของกระทรวงการต่างประเทศต้องร่วมมือกัน
แรงงานที่จะเข้ามาทำงานในไทยต้องผ่าน 8 ขั้นตอน มีการตรวจโรคต้องห้าม 6 โรค ตรวจโควิด เช็กว่าได้รับวัคซีนครบโดสหรือไม่ หากครบอาจไม่ต้องกักตัว แต่ถ้าฉีดวัคซีนไม่ครบต้องกักตัว ตามรายละเอียดที่กระทรวงแรงงานเสนอ เมื่อศบค. อนุมัติหลักการแล้ว ขอให้ผู้ที่กำลังจะนำแรงงานลักลอบเข้าเมือง ขอให้หยุด เพราะทางการกำลังเร่งดำเนินการนำเข้าแรงงานถูกกฎหมาย มีการตรวจคัดกรองโรคอย่างดี ไม่ต้องเสียง ขอให้รอรับแรงงานที่เข้ามาอย่างถูกต้อง ไม่ต้องเสียงรับแรงงานผิดกฎหมาย เสี่ยงโรค
ก่อนหน้านี้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือร่วมกับผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สรุปได้ว่าจะมีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MOU เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานหลังการเปิดประเทศ โดยระบุว่า แรงงานข้ามชาติที่จะเข้ามามี 3 สัญชาติ คือ เมียนมา กัมพูชา และลาว ประมาณ 400,000 ราย
นายสุชาติ กล่าวว่า จะเริ่มนำเข้าในวันที่ 1 ธ.ค. อย่างช้าไม่เกินกลางเดือน มีค่าใช้จ่ายที่นายจ้างจะต้องรับรับผิดชอบไม่เกินคนละ 26,000 บาท ส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นค่ากักตัวคนละ 500 บาทต่อวัน คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ต้องกักตัว 7 วัน ส่วนที่ฉีด 1 เข็ม ต้องกักตัว 14 วัน และต้องตรวจโควิด 2 ครั้ง โดยรัฐบาลได้เตรียมวัคซีนไว้ 4-5 แสนโดส เพื่อฉีดให้แรงงานต่างด้าวในวันสุดท้ายของการกักตัวแล้ว