เขียนให้คิด โดย ซีศูนย์
จาก รมต.เวียดนามกินอาหารหรู ถึงนายกเทศมนตรีไทยแห่งหนึ่ง
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพ มาช่วงนี้เราคงทราบกันแล้วครับว่า ห้าพันเศษของจำนวน อบต.ทั่วประเทศมีใครเป็นนายกและสมาชิกบ้าง หลังจากนี้ก็รอฟังกันต่อว่า ใครจะถูกสอยบ้าง สำหรับท่านที่ได้รับเลือกก็ขอแสดงความยินดีด้วย ก็อย่าลืมเตรียมยื่นบัญชีทรัพยสินหนี้สินให้ ป.ป.ช.เขาตรวจสอบด้วยนะครับ
และช่วงสี่ปีที่ท่านทำหน้าที่บริหารท้องถิ่นของท่าน ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมให้มาก สมกับที่พี่น้องประชาชนเลือกท่านเข้ามานะครับ ยิ่งบ้านเรายังอยู่ในภาวะไม่ปกติทั้งโควิท-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดไปเร็ววัน เศรษฐกิจประเทศปากท้องของประชาชนก็ยังรอวันเผาหลอกเผาจริงกัน การเมืองที่ยังวุ่นวายไม่รู้จะสงบกันเมื่อไร ดังนั้น งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วยครับ อย่าฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย หรือทุจริตกันเหมือนก่อนๆ อีก เพลาลงบ้างก็ยังดีครับ
พูดถึงเรื่องฟุ่มเฟือย ท่านผู้อ่านคงจำเรื่องนักการเมืองเวียดนามกันได้บ้างนะครับ ที่ว่าไปกินสเต็กแปะแผ่นทองคำสุดหรูที่อังกฤษ ฟังข่าวแล้วยังอดมาเล่าสู่กันฟังอีกไม่ได้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการปล่อยคลิปนาย โต่เลิม แกเป็นรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนามและคณะไปนั่งกินสเต๊กแปะแผ่นทองคำ 24 เคสุดหรูจากร้านอาหารชื่อดังชื่อร้าน Nusr-Et Steakhouse ซึ่งตั้งอยู่ในย่านสุดหรูอย่างไนท์บริดจ์ของกรุงลอนดอน โดยเป็นร้านของ นูสเร็ต โกเช เชฟชื่อดังชาวตุรกีที่รู้จักกันในชื่อ ซอลต์เบ (Salt Bae) ที่โด่งดังจากท่าโรยเกลืออันเป็นเอกลักษณ์ ผู้เขียนไม่เคยไปและไม่เคยกินนะครับ แต่เข้าใจว่า นักการเมืองหรือเศรษฐีเมืองไทยคงไปกินกันหลายคนแล้ว ราคาของสเต๊กหรูนี้ไม่แพงเท่าไรหรอกครับ แค่สนนราคาตั้งแต่ 1,140-2,015 เหรียญสหรัฐ หรือราว 37,882 - 66,958 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าเครื่องดื่มและค่าบริการอีก 15% เท่านั้นเอง
คลิปถูกบันทึกเมื่อไรไม่ได้บอก แต่พอว่อนออกไปเท่านั้นละครับ คลิปฉบับก๊อบปี้ถูกแชร์ไปทั่วโลกออนไลน์ของเวียดนาม สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเวียดนามเป็นอันมาก เนื่องจากชาวเวียดนามที่มีประชากร 97 ล้านคนเศษ ส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากจากการระบาดของ Covid-19 ชาวบ้านตกงานและยังส่งผลให้เศรษฐกิจของเวียดนามชะลอตัวเหมือนที่อื่นๆ ทั่วโลก เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ค Pham Viet Duc ที่เป็นคนเวียดนามได้กล่าวได้อย่างเจ็บแสบว่า “ผู้คนกำลังลำบากจากโรคระบาด แต่รัฐมนตรีกลับใช้ชีวิตหรูหราราวกับเซเลบระดับโลก รัฐบาลชอบบ่นว่า มีปัญหาด้านการเงิน แต่พวกเขากลับขโมยเงินประชาชนไปใช้ชีวิตหรูอย่างกับวันพรุ่งนี้จะไม่มาถึง”
ทั้งยังมีการคอมเม้นต์ว่า “เราแค่บังเอิญเห็นคลิปนี้ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาใช้เงินกันแบบนี้มาเป็นพันๆ ครั้งแล้ว” ก็เหมือนกับนักการเมืองทั่วโลกนั้นแหละ เข้าใจว่า รัฐมนตรีของเวียดนามคนนี้ คงไปร่วมประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ COP26 ที่ท่านนายกฯ ของเราไปร่วมประชุมด้วยนั้นละครับ
ท้องถิ่นของเราก็ไม่เบาครับ ดังเช่นเรื่องที่เกิดที่เทศบาลตำบลแห่งหนึ่ง นายกเทศมนตรีแกจะจัดงานเปิดสำนักงานเทศบาลใหม่ เพื่อเป็นเกียรติและหาเสียงด้วย ต้องเชิญแขกระดับวีไอพีในจังหวัดกับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะช่วงนั้นใกล้เลือกตั้งด้วย นายกเทศมนตรีจึงเรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ฝ่ายบริหาร และสภา เพื่อเตรียมเนื้อหารูปแบบการจัดงาน มอบหมายภารกิจ และแจ้งว่า จะเชิญแขกผู้ใหญ่ของจังหวัดและชาวบ้านผู้มาร่วมงานนับพันคน ก็มอบหมายงานให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยแบ่งงานกันทำ ส่วนการเลี้ยงอาหาร ภรรยานายกแกรับจะหาเองในวงเงินสี่แสนเศษ โดยไปเอาร้านในกรุงเทพฯ ที่เคยจัดเลี้ยงงานแต่งลูกชายตัวเองก่อนนี้ไม่นาน ทั้งภรรยาของนายกยังเป็นคนเลือกรายการอาหารหลายอย่าง เป็นอาหารแบบโต๊ะจีน เรื่องค่าอาหารนายกแกจะให้เบิกในลักษณะเป็นค่ารับรอง เพราะมีผู้ใหญ่มาร่วมงานด้วย แต่ในการดำเนินการจัดจ้างเหมาประกอบอาหาร วงเงินงบประมาณสี่แสนบาทเศษ ตอนแรกปลัดและผู้อำนวยการกองคลังโต้แย้งว่า ไม่มีระเบียบให้ทำได้ ทั้งยังมีหนังสือเวียนของกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0808.4/ว 2381 ลงวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 เรื่อง การตั้งงบประมาณและการเบิกจ่ายเงินค่ารับรองหรือค่าเลี้ยงรับรองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดไว้ชัดเจนว่า ค่ารับรองคืออะไรบ้าง
แต่นายกดึงดันว่า ทำได้และให้จ้างเหมาตามระเบียบพัสดุท้องถิ่น โดยเบิกจ่ายประเภทงบค่ารับรอง ทั้งปลัดและผู้อำนวยการกองคลังจึงเลยตามเลย และแทนที่จะให้มีการทำตามระเบียบพัสดุฯ กลับไปล็อกเอาร้านอาหารชื่อดังที่เคยจ้างไปจัดงานเลี้ยงแต่งงานลูกชายตัวเองอีก ตัวนายกเองพอไปชี้แจงกลับแก้ตัวว่า แกเข้าใจโดยสุจริตตามที่เจ้าหน้าที่เสนอมาว่าถูกต้อง หากมีการดำเนินการไม่ถูกต้องย่อมต้องทักท้วงหรือยับยั้งไม่ให้ทำก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครโต้แย้งหรือทักท้วงและรายงานให้ตนทราบ
ท่านผู้อ่านครับ เรื่องนี้เมื่อคนอื่นให้การว่า ได้โต้แย้งสอดคล้องกันหมดว่า การใช้เงินไม่ถูกต้อง จึงต้องฟังว่า นายกเองนั่นละเป็นผู้ตัดสินใจเลือกผู้รับจ้างประกอบอาหาร เพื่อเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงานที่นายกเชิญร่วมงาน และต้องการเลือกร้านดังเป็นคนทำอาหารเลี้ยงผู้มาร่วมงาน ซึ่งก็คือภรรยาตัวนายก
สรุปแล้วการกระทำของนายกเทศมนตรีคนนี้ จึงเป็นการจงใจฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ร้านอาหารชื่อดังเข้ามาเป็นคู่สัญญาอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ร้านอาหารร้าน ดังนั้น เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับเทศบาลตำบล
ที่สุดก็โดนทั้งถอดถอนและอาญากันไป ที่จริงนายกคนนี้แกโดนหลายเรื่อง แต่ที่คัดมาเล่าที่จำได้ เพราะนึกถึงเรื่องที่รัฐมนตรีเวียดนามไปกินสเต็กนั่นละครับ อยากกินของอร่อยแพงๆ รู้จักออกเงินเองบ้างสิครับ