ที่ศาลปกครอง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลปกครองมีคำสั่งกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งระงับการลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) กับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ที่เดิมมีกำหนดการจะลงนามในวันพรุ่งนี้(3ส.ค.) ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้คดีดังกล่าวบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกจำกัด(มหาชน) หรือEASTE (อีสท์วอเตอร์)ได้ยื่นคำร้องพร้อมเอกสารประกอบเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมาขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการมีคำพิพากษาโดยขอให้สั่งระงับการลงนามสัญญาในวันที่ 3 ส.ค.นี้ โดยมีคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนในการจัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กรมธนารักษ์ และคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 และบริษัทวงศ์สยามก่อสร้างจำกัดเป็นผู้ร้องสอดฝ่ายผู้มีส่วนได้เสีย

ก่อนหน้านี้กรมธนารักษ์ได้มีการเลื่อนการลงนามสัญญาดังกล่าวจากวันที่ 3 พ.ค.2565 มาแล้วครั้งหนึ่ง และหลังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีนายวิจักษณ์ อภิรักษ์นนท์ชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังเป็นประธานแจ้งผลการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าการดำเนินการจัดประมูลมีขั้นตอนถูกต้องโปร่งใส นายประภาศ คงเอียดอธิบดีกรมธนารักษ์ก็ได้มีหนังสือลงวันที่ 26 ก.ค 65แจ้งไปยังบริษัทวงศ์สยามก่อสร้าง จำกัด แจ้งกำหนดให้มีการลงนามในสัญญาโครงการ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 เวลา 10.00 น. ณ กรมธนารักษ์

ขณะที่บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกระบุว่าการที่กรมธนารักษ์จะลงนามในสัญญาเช่าท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกกับบริษัทวงศ์สยามก่อสร้างจำกัด ผู้ชนะการเสนอราคาครั้งที่ 2ในวันพรุ่งนี้มีความเกี่ยวข้องกับประเด็นพิพาทที่บริษัทยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกของกรมธนารักษ์ต่อศาลปกครองกลางและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

ขณะเดียวกันโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออกดังกล่าวเป็นประเด็นหนึ่งที่พรรคฝ่ายค้านมีการอภิปรายศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา โดยระบุว่ามีความไม่ชอบมาพากลและมีข้อน่าสงสัยว่าอาจมีการแก้เกณฑ์การประมูลรอบ 2 เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทวงศ์สยามก่อสร้าง