รัฐบาลเล็งดึงชุมชนชายฝั่งร่วมปลูกป่าชายเลน 3 แสนไร่ ใน 23 จังหวัด พร้อมรับประโยชน์ 90% ของคาร์บอนเครดิต มุ่งอนุรักษ์และป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ผ่านระบบอิเล็กทรินิกส์ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ เพื่อเร่งรัดขับเคลื่อน ยกระดับการแก้ปัญหาการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบ โครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ในประเด็นการแบ่งปันผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ระหว่าง ผู้พัฒนาโครงการ และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในสัดส่วน 90 : 10 โดย ทช. จะแบ่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครึ่งหนึ่ง เพื่อนำไปให้ชุมชนใช้ในกิจกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่โดยมีระยะเวลา 10 ปี ( 66 - 74 ) ในพื้นที่ 23 จังหวัด เนื้อที่ 300,000 ไร่ มุ่งเป้า 6 พื้นที่ โดยเป็นพื้นที่พร้อมปลูก ที่ผ่านการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ทำนากุ้ง ทำสวนปาล์ม พื้นที่เลนงอก พื้นที่ปรับปรุงสภาพป่าชายเลน รวมท้ังพื้นที่ป่าที่ชุมชนร่วมดูแล
จากนั้นที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ การออกกฎกระทรวง กำหนดพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ในพื้นที่ จ.ตรัง และพังงา มีสาระสำคัญ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการคุ้มครองพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า พันธุ์พืชหายาก โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการกัดเซาชายฝั่งทะเล รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำแผนที่ข้อมูลวิชาการของระบบกลุ่มหาดประเทศไทย ปี 65-67 นำร่องรวม 11 กลุ่มหาด เพื่อประกอบการตัดสินใจแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
พลเอกประวิตร กำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดย ทช. ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจและดึงชุมชนชายฝั่งทะเล เข้ามามีส่วนร่วมปลูกป่าชายเลนร่วมกันในทุกขั้นตอน และต้องให้ชุมชนได้รับประโยชน์ไปพร้อมกันอย่างแท้จริง ทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้และการจ้างงานในพื้นที่ โดยเฉพาะให้ดึงสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ร่วมให้ความรู้กับเด็กและเยาวชน รวมท้ังชุมชนไปพร้อมกัน เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่แบบมีส่วนร่วมที่มุ่งความยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังย้ำว่า เมื่อมีการใช้ประโยชน์ทางทะเล ก็ต้องมีการคืนประโยชน์ให้ทะเลไปพร้อมกัน ซึ่งต้องเร่งอนุรักษ์และฟื้นฟูคู่ขนานกัน โดยยังมีงานสำคัญที่ต้องช่วยกันเร่งรัดให้บรรลุผลสำเร็จในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง การแก้ปัญหาขยะทะเลในฐานะผู้นำกลุ่มอาเซียน และการขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้ทศวรรษแห่งมหาสมุทร ที่ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นที่ตั้ง สำนักงานประสานทศวรรษแห่งมหาสมุทรซึ่งขอให้ ทส. เร่งรัดผลักดันให้มีความชัดเจน และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว