“สนธิรัตน์” โชว์วิสัยทัศน์ ชี้ แก้โลกร้อนเป็นกติกาใหม่โลก ไทยมีโอกาสมหาศาล ส่งออกพลังงานสะอาด-ปลูกป่า ให้ได้คาร์บอนเครดิตขายเพื่อนบ้าน แนะแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรจากปัจจัยต้นทาง ไม่ใช่แค่อุดหนุนราคา ขอรัฐบาลสนับสนุนเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้านราชการต้องปรับตัวรับยุคดิจิทัล ปิ๊งไอเดีย ตั้งแพลตฟอร์มระดับโลก ขายสินค้าเกษตรออนไลน์ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายในหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) รุ่นที่ 2 ในหัวข้อ “Vision from Leader : มิติการพัฒนาการเกษตร และพลังงานในอนาคต”
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก ขณะที่เรายังเป็นเวอร์ชั่นอนาล็อก สำหรับบทบาทของพาณิชย์ กับเกษตรจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน สังเกตได้ว่านโยบายการบริหารประเทศของทุกรัฐบาลหรือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวใจสำคัญคือมุ่งเน้นเพียงทำให้เกษตรกรพอใจในราคาสินค้า ทำให้ภาคการเกษตรย่ำเท้าอยู่กับที่ พอใจกับราคาที่ได้
ความเป็นจริงต้องมองผลตอบแทนที่เป็นกำไรที่แท้จริงของพี่น้องเกษตรกร ไม่ใช่แค่ราคาสินค้า ตัวอย่างเช่น ราคาปาล์มน้ำมัน เราเป็นตัวเล็กของซัพพลายปาล์มน้ำมันของโลก เพราะอินโดนีเซีย และมาเลเซียเหนือกว่าเรามาก ราคาปาล์มน้ำมันไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่ราคาตลาดโลก การอุดหนุนราคาจึงไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน แต่สิ่งที่ต้องสนับสนุนคือการบริหารต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง เพราะเกษตรกรอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องราคาอย่างเดียว แต่เป็นองค์ประกอบตั้งแต่สายพันธุ์ ระบบชลประทาน ปุ๋ย เป็นต้น
“หลายประเทศพัฒนาเป็นระบบ แต่เราพัฒนาแบบแยกส่วน กระทรวงใครกระทรวงมัน ความจริงมิติเหล่านี้ภาคเอกชนเก่งมาก รัฐบาลต้องคิดทบทวนใหม่ เพราะภาคเอกชนคือตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจ และธุรกิจ รัฐบาลเป็นฝ่ายสนับสนุนได้ เวลาจะออกนโยบายอะไรก็ตามผมต้องออกให้คนต่อไปสามารถมาดำเนินการต่อได้ นั่นคือ Mind set การทำงานของผม ”
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่าปัญหาหนึ่งที่สำคัญของภาคการเกษตรคือกลไกพ่อค้าคนกลาง ล้งจีน ล้งไทย เกษตรกรทำเท่าไหร่คนรวยคือพ่อค้าคนกลาง เกษตรกรยังจนต่อไป วันนี้เราควรพลิกมิติตลาดใหม่สู่ตลาดออนไลน์ ในเมื่อเราเป็นผู้ผลิตอาหารให้กับโลก ทั้งทุเรียน เงาะ ลำไย ข้าว ผัก ดังนั้น ตนมีแนวคิดที่จะยกสินค้าเกษตรสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ เว็บไซต์ Farm To The Table สร้างโอกาสให้เกิดการซื้อขายโดยตรงจากผู้ผลิตและผู้บริโภค ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ได้ราคาดีกว่า คุณภาพชัดเจน
ขณะที่เรื่องพลังงานกับการเกษตร นายสนธิรัตน์ มองว่า เป็นภาคที่สอดประสานและเกื้อกูลกันได้ดีมาก ยิ่งปัจจุบัน โลกกำลังเข้าสู่กติกาใหม่ทั้ง Cop 26 ภาวะโลกร้อน Net zero และ Carbon neutrality ตนมองเห็นโอกาสเรื่องการส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน เช่น ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ไม้โตเร็ว และอ้อย เป็นต้น ซึ่งเกษตรกับพืชพลังงานเป็นโอกาสใหญ่มาก เพราะนอกเหนือจากเรื่องพลังงานแล้ว ยังรวมไปถึงโอกาสใหม่ในเรื่องคาร์บอนเครดิต ที่เป็นโอกาสใหญ่มากกับภาคเกษตรของประเทศไทยอีกด้วย
นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ยังได้ให้มุมมองเรื่องการเกษตรกับการแก้ปัญหาความยากจนไว้ว่า หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาความยากจนคือต้องแก้จากภาคการเกษตร ถ้าพลิกฟื้นเรื่องเกษตรได้จะพลิกฟื้นความยากจนได้ ทุกวันนี้ เกษตรกรประเทศไทยยังยากจน เพราะโครงสร้างเกษตรที่ผ่านมามีความซับซ้อนในตัวมาก เราอยู่ในวังวนผลผลิตต่ำ ต้นทุนสูง ขาดความรู้ ติดอยู่กับแนวคิดเดิมๆ ซึ่งวันนี้ 2 ประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ให้ได้ คือ 1. โจทย์การแก้ปัญหาที่ชัดเจนในเรื่องที่ดินทำกิน พื้นที่ชลประทาน และการบริหารจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ 2. ลดการพึ่งพา เช่น เรื่องปุ๋ย และพลังงาน
“ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีโอกาสมหาศาล ผมเชื่อว่าการเมืองกับราชการต้องปรับตัว ไม่ได้บอกว่าราชการไม่ดี ราชการมีกฎระเบียบ และกฎหมายคุมอยู่ แต่การเมืองจะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดี อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบราชการ เกื้อกูลเอกชน เราต้องช่วยกันสร้างองค์ประกอบประเทศให้ไปด้วยกันให้ได้ ที่สำคัญ อย่ายอมกับสิ่งที่เป็นตัวซ่อนลึกอยู่ในปัญหาของการจัดการประเทศ และเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะถูกแก้ปัญหาด้วยระบบดิจิทัล การใช้ระบบดิจิทัลโปร่งใสมาก เป็นข้อมูลจริงออนไลน์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ลดปัญหาคอรัปชั่น นี่คือโลกที่เปลี่ยนแปลงด้วยเทคโนโลยี เราทุกคนต้องช่วยกัน” นายสนธิรัตน์ กล่าว