พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เขียนชี้แจงข้อสงสัยของสื่อมวลชน ให้ทีมโฆษก ชี้แจง โดยระบุถึงกรณีรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ ว่า เหตุระเบิดภาคใต้ของไทยเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของไอเอส ว่า รัฐบาลยืนยันว่ายังตรวจสอบไม่พบว่าเป็นการปฏิบัติของกลุ่มดังกล่าว หากมีหลักฐานพิสูจน์ทราบที่ชัดเจน จะแจ้งให้ทราบ ขณะนี้ได้ให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวังสังเกตและทำงานข่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ขยายข่าวดังกล่าวต้องพึงระวังเพราะอาจส่งผลกระทบกับประเทศ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานความมั่นคงได้ติดตาม สืบสวน สอบสวน ซึ่งไทยต้องยุติปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศให้ได้โดยเร็ว ไม่ให้ขบวนการรุนแรงนอกประเทศเข้ามาแทรกแซง

ส่วนที่ทางการมาเลเซียให้ข่าวหลายครั้งว่าพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยเป็นพื้นที่หลบซ่อนของไอเอส จะยืนยันได้หรือไม่ว่าไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช้คำว่ายืนยันไม่ได้ แต่ต้องใช้คำว่าตรวจสอบยังไม่พบ ทั้งงานด้านการข่าว การสืบสวนสอบสวนยังไม่พบความเชื่อมโยง พบเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบอย่าชักศึกเข้าบ้านแต่เตรียมคนให้พร้อม

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุถึงคำถาม 4 ข้อของนายกรัฐมนตรีว่าส่วนตัวไม่มีความตั้งใจจะได้คำตอบที่ถูกใจ หรือไม่ตรงใจ แต่ต้องการสร้างการเรียนรู้ว่าประชาชนจะช่วยกันอย่างไรให้ได้รัฐบาลที่ดี มีธรรมาภิบาลในการบริหารบ้านเมืองต่อไป ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ตัวนายกรัฐมนตรี เพราะการเลือกตั้ง ประชาชนเป็นผู้เลือก ต้องเลือกด้วยความรอบคอบ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงกรณีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ส่งผลการศึกษาและมีข้อเสนอแนะถึงนายกรัฐมนตรีให้ปลดบอร์ดบริษัทท่าอากาศยานไทย และยกเลิกสัญญากับคิงพาวเวอร์ ว่า ปลดเรื่องอะไร การสอบสวนและกฎหมายว่าอย่างไร มีการแจ้งความกันหรือยังต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่รัฐบาลจะเอาเรื่องที่มีกระแสมาทำโดยไม่มีที่มา หลักฐานการทุจริต ผู้เสียหายกระบวนการยุติธรรมว่าอย่างไร ฯลฯ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าที่ล่าสุดทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วแต่ข้อมูลยังไม่ตรงกันจากผู้รับผิดชอบ และเกี่ยวกับชื่อผู้ต้องสงสัยของผู้บัญชาการทหารบกว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน ซึ่งต้องรอให้มีการออกหมายจับและจับกุมได้ก่อน โดยเจ้าหน้าที่กำลังทำงานอยู่

ทั้งนี้  นายกรัฐมนตรี ยังระบุถึง การพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้เพื่อกำหนดพื้นที่ปลอดภัยโดยกลุ่มบีอาร์เอ็นปรับโครงสร้างและยื่นเงื่อนไขพูดคุย ว่า ส่วนตัวทราบว่าเริ่มพูดคุยเพื่อกำหนดพื้นที่บ้างแล้ว แต่ยังต้องพิจารณาในเงื่อนไขต่างๆ ที่ทั้ง สองฝ่ายต้องการ ให้สอดคล้องและเข้าใจตรงกัน ที่สำคัญคือ การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ให้ความสนใจใน การพัฒนา และการบังคับใช้กฎหมายปกติ ซึ่งการพูดคุยสันติสุขเป็นวิธีการของสากลที่ปฏิบัติไปด้วยกัน

นายกรัฐมนตรี ระบุถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมน้ำท่วมและให้นโยบายกับกรุงเทพมหานคร แต่จะสามารถรับมือกับปริมาณน้ำในฤดูฝนนี้ได้หรือไม่ว่า หากฝนไม่มากเกินปกติ ก็สามารถจะแก้ไขให้ทุเลาได้ แต่การจะแก้ไขได้อย่างยั่งยืน ต้องแก้ทั้งระบบ ตั้งแต่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมถึงการป้องกันพื้นที่ กทม. พื้นที่ตะวันตก ตะวันออก และแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนมาตรการช่วยเหลือในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่ลุ่มต่างๆนั้น รัฐบาลมีแผนอยู่แล้ว มีงบประมาณของผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่แล้วซึ่งรัฐบาลพร้อมเติมมาตรการและงบประมาณลงไปเพิ่มเติมขีดความสามารถ

ส่วนกรณีที่หญิงไทยถูกล่อลวงไปค้ากามที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่ในประเทศไทยก็มีปัญหาค้ากามเด็ก มีข้าราชการเกี่ยวข้อง ว่า ทั้งหมดเป็นวงจรอุบาทว์ที่มีทั้งผู้ไม่สุจริต และผู้สมัครใจ รวมถึงผู้ถูกล่อลวง ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปราบปรามทุกกระบวนการให้ครบวงจร

สำหรับกรณีรถหรูเลี่ยงภาษีและถูกโจรกรรมจากต่างประเทศที่มีส่วนเชื่อมโยงกับข้าราชการจำนวนมากนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อก่อนมีคดีแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง กรมศุลกากร ได้รื้อเรื่องนี้ออกมาให้ทบทวน เร่งรัดดำเนินคดี นี่คือความแตกต่างของรัฐบาลนี้ ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ทุกวงการ อย่าบอกว่า รัฐบาลไม่มีผลงานในเรื่องปราบปรามการทุจริต