น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์การมีงานทำและการว่างงานของกำลังแรงงานในประเทศโดยต่อเนื่อง เพื่อประกอบการพิจารณาการดำเนินนโยบายและมีมาตรการที่เหมาะสม โดยพบว่าภาวะการมีงานทำและการว่างงานในภาพรวมยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่แต่ละภาคส่วนฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามลำดับ
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติได้รายงานสถานการณ์ผู้มีงานทำล่าสุด ณ เดือน ก.ค.65 ว่าจากประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งหมด 58.64 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้อยู่นอกกำลังแรงงาน 16.63 ล้านคน (อยู่ระหว่างการศึกษา, เป็นผู้พิการทุพพลภาพ) และอยู่ในกำลังแรงงาน 40.01 ล้านคน ซึ่งในกลุ่มนี้เป็นผู้มีงานทำ 39.48 ล้านคน ว่างงาน 5.14 แสนคน และรอฤดูกาลอีก 2 หมื่นคน
โดยการว่างงานในเดือน ก.ค.65 อยู่ที่ 5.14 แสนคน คิดเป็น 1.3% ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน ปรับตัวลดลงจาก 5.80 แสนคน คิดเป็น 1.4% ในเดือน มิ.ย.65 และนับเป็นจำนวนผู้ว่างงานและอัตราการว่างงานที่ต่ำที่สุดนับแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีผู้ว่างงานสูงสุดที่ 8.70 แสนคน คิดเป็น 2.25% ในไตรมาสที่ 3/64
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดชั่วโมงทำงานของผู้มีงานทำต่อสัปดาห์ในเดือน ก.ค.พบว่ามีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่แรงงานจะมีรายได้จากการทำงานมากขึ้นด้วย โดยข้อมูลล่าสุดก็พบว่ากลุ่มผู้ทำงานตั้งแต่ 35-49 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีจำนวน 26.80 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 26.75 ล้านคนในเดือน มิ.ย.65, ผู้มีงานทำ 50 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์มีจำนวน 7.01 ล้านคน เพิ่มจาก 6.52 ล้านคนในเดือน มิ.ย.65 และผู้ทำงานน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีจำนวน 5.67 ล้านคน ลดลงจาก 6.63 ล้านคนในเดือน มิ.ย.65
"รัฐบาลไม่เพียงติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ได้ติดตามภาวะการมีงานทำหรือการว่างงานของประชาชนในภาพรวมเพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการต่างๆ จากทุกหน่วยงาน เช่น การออกโครงการให้ผู้ประกอบการคงการจ้างงาน การมีมาตรการจ้างงานของหน่วยงานต่างๆ นั้นเกิดประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งขณะนี้ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจการกลับมามีงานทำของประชาชนเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล" น.ส.ไตรศุลี กล่าว