สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เดินหน้าผลักดันโครงการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนรับมือการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในอนาคต
นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า ปีนี้ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะหน่วยประสานงานหลักของกองทุนภูมิอากาศสีเขียว หรือ Green Climate Fund (GCF) ร่วมกับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก (GGGI) ได้จัดการประชุมเริ่มต้นดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียวประเภท GCF Readiness and Preparatory Support Programme เพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการเร่งผลักดันให้เกิดการทำงานทั้งในเชิงนโยบายและการนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก และให้ไทยมีความสามารถปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งการพัฒนาศักยภาพ การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเงิน ถือเป็นกลไกสำคัญจะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานของประเทศ ซึ่งเวทีการประชุมครั้งนี้ได้เปิดตัวโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก GCF Readiness and Preparatory Support Programme 2 โครงการ คือ โครงการแรก เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเข้าถึงทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำเนินงานในพื้นที่ ส่วนโครงการที่ 2 เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ GGGI พัฒนายุทธศาสตร์การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเตรียมความพร้อมธนาคารกสิกรไทยในการขอรับการรับรองเป็นหน่วยปฏิบัติการระดับประเทศของ GCF
สำหรับการดำเนินงานทั้ง 2 โครงการ เป็นการยกระดับหน่วยงานภายในประเทศให้มีบทบาทสำคัญสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย โดยเฉพาะการเข้าถึงกองทุนภูมิอากาศสีเขียวและกองทุนระหว่างประเทศอื่นๆในอนาคต จะทำให้นำไปสู่เป้าหมายสำคัญของไทยในการก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2065