ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
รฟท.จัดเที่ยวชมวิวรถไฟลอยน้ำ24วันเริ่ม 5 พ.ย.
03 พ.ย. 2565

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังมาถึงนี้ การรถไฟฯ ขอเชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมเดินทางสัมผัสลมหนาวเส้นทางอันซีนหนึ่งเดียวของเมืองไทย นั่งรถไฟลอยน้ำสุดโรแมนติก กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์โดยได้จัดขบวนรถพิเศษนำเที่ยว เส้นทางกรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2565-มกราคม 2566 โดยเปิดให้บริการเที่ยวแรก 5 พฤศจิกายน 2565 และเริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565

ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารล่วงหน้าได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือระบบ D-Ticket รวมถึงสามารถจองเดินทางเป็นหมู่คณะแบบเช่าเหมาคัน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

สำหรับขบวนรถไฟลอยน้ำ เดิมเป็นทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-บัวใหญ่-หนองคาย อยู่ในบริเวณลุ่มน้ำป่าสักในอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และต่อมาพื้นที่ดังกล่าวถูกพัฒนาเป็นเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตามโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อใช้กักเก็บน้ำ แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมกับมีการสร้างทางรถไฟยกระดับขึ้นเหนือน้ำเพื่อใช้สัญจรไปยังจังหวัดต่าง ๆ ได้ ซึ่งเมื่อขบวนรถไฟวิ่งลัดเลาะไปตามขอบของอ่างเก็บน้ำ และมองออกไปนอกหน้าต่างจะดูคล้ายกับรถไฟแล่นไปบนผิวน้ำ ขบวนรถไฟนี้จึงได้ชื่อว่า “รถไฟลอยน้ำ”

ทั้งนี้ ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะเปิดให้บริการแบบเช้าไปเย็นกลับ ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดจัดในทุกวันเสาร์และอาทิตย์ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2565-มกราคม 2566 รวม 24 วัน ประกอบด้วย

วันที่ 5-6, 12-13, 19-20, 26-27 พฤศจิกายน 2565
วันที่ 3-4, 10-11, 17-18, 24-25 ธันวาคม 2565
วันที่ 7-8, 14-15, 21-22, 28-29 มกราคม 2566

นอกจากนี้ ขบวนรถดังกล่าวจะไม่มีเดินช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ (วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม 2565 และอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566) โดยให้บริการทั้งรถนั่งธรรมดา ชั้น 3 และรถปรับอากาศ ชั้น 2 คิดอัตราค่าโดยสารผู้ใหญ่และเด็กราคาเดียวกัน ดังนี้

รถธรรมดา  

กรุงเทพ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์   ไป-กลับ ราคา 330 บาท
สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 130 บาท
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ ราคา 150 บาท

รถปรับอากาศ 

กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ไป-กลับ ราคา 560 บาท
สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ  ราคา 260 บาท
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ ราคา 250 บาท

 

ทั้งนี้ ตารางการเดินรถ เที่ยวไป (ขบวนที่ 921) ขบวนรถไฟออกจากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) เวลา 06.00 น. จากนั้นหยุดรับ-ส่ง ผู้โดยสารตามสถานีต่าง ๆ คือ สถานีสามเสน ชุมทางบางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา สระบุรี ชุมทางแก่งคอย ถึงจุดชมวิว “รถไฟลอยน้ำ” กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

ขบวนรถจะหยุดกลางสันเขื่อน มีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม ดื่มด่ำกับความงดงาม 20 นาที และเดินทางไปที่สถานีโคกสลุง มีเวลาให้นักท่องเที่ยว ชิม ช็อป สินค้าพื้นเมือง OTOP  ประมาณ 30 นาที จากนั้นขบวนรถจะพานักท่องเที่ยวมาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 10.35 น. นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะรับประทานอาหารกลางวันจากร้านค้าของกลุ่มชุมชนท้องถิ่น หรือท่องเที่ยวรอบนอกตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยใช้บริการรถตู้ อัตราค่าบริการท่านละ 70 บาทตลอดเส้นทาง ที่จะนำชมสถานที่ท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน ณ บ้านกล้วย & ไข่ ชมสวนเฟิร์นยักษ์ และถ่ายรูปกับบรรยากาศสไตล์ชิค ๆ ที่จุดชุมวิว ณ ไร่ทรัพย์ประยูร และขึ้นขบวนรถไฟเที่ยวกลับ (ขบวนที่ 926) ออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 15.30 น. และหยุดรับ-ส่ง ผู้โดยสารตามสถานีต่าง ๆ คือ สถานีชุมทางแก่งคอย สระบุรี อยุธยา รังสิต ดอนเมือง หลักสี่ บางเขน ชุมทางบางซื่อ สามเสน ถึงสถานีกรุงเทพฯ เวลา 18.50 น.

นายเอกรัชกล่าวเพิ่มเติมว่า การรถไฟฯ คาดหวังว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้ตามนโยบายของรัฐบาล ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็งสู่เศรษฐกิจฐานราก และชุมชนให้กลับมามีความเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...