ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
07 ธ.ค. 2565

การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย กลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่ถูกกล่าวถึงค่อนข้างมากทั้งในช่วงที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน จึงทำให้มีการจัดตั้งองค์กรต่างๆ ขึ้นมามาตรวจสอบกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในส่วนของราชการและการเมือง อย่างไรก็ตาม ในด้านของเอกชนยังมีการจัดตั้งองค์กร่อย่างคู่ขนานเช่นเดียวกัน ในชื่อของ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)

อปท.นิวส์เชิญเป็นแขกฉบับนี้จึงขอนำท่านผู้อ่านมารู้จักกับบุคคลผู้หนึ่งที่กุมทิศทางขององค์ต่อต้านคอร์รัปชันแห่งนี้ นั่นก็คือ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่ปัจจุบันอยู่ในวัย 63 ปี โดย ดร.มานะได้เล่าว่า เกิดที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นลูกพ่อค้า

“ผมเป็นคนต่างจังหวัด ได้เรียนในโรงเรียนเล็กๆ อย่างตอนเริ่มเรียนก็เรียนแถวบ้านเกิด แล้วมาเรียนใน กทม. จนจบมัธยมปลายโรงเรียนวัดราชาธิวาส ไปต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนที่จะเรียนต่อจนจบปริญญาโทหลักสูตร MBA (Master of Business Administration Program) ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ทำให้มีทักษะความรู้ความสามารถด้านบริหารธุรกิจ สามารถประยุกต์งานด้านธุรกิจ เพื่อความสามารถในการทำงานเป็นทีมมีลักษณะการตัดสินใจในบทบาทของผู้บริหาร และได้จบปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการพัฒนาธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม”ดร.มานะ กล่าว พร้อมกับเล่าต่อไปว่า

หลังจากคว้าปริญญามาแล้วได้พยายามเข้าเรียนหลายๆ หลักสูตรเพื่อหาความรู้และโอกาสได้พบปะแลกเปลี่ยนกับผู้ที่ทักษะความสามารถสูงในหลักสูตรต่างๆ อาทิ หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ หรือTEPCOT ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยหลักสูตรการสร้างผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถทางธุรกิจตลาดทุน สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียนหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน หรือ (วพน.) จากสถาบันวิทยาการพลังงาน รวมถึง หลักสูตรนักยุทธศาสตร์ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตอ หรือ ป.ป.ช.

“ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมได้เรียนหลังจากจบปริญญาเอกแล้ว โดยหลังจากที่ได้ทำงานให้กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯการได้เรียนหลักสูตร"นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง" (นยปส.) เป็นการปรับความรู้ให้รอบด้านมากขึ้น แล้วมีเครือข่ายผู้คนที่อยู่ในแวดวงราชการและนักสู้ผู้ที่ต้องการต่อต้านด้านคอร์รัปชัน และเรื่องธรรมาภิบาลมากขึ้น”ดร.มานะ กล่าว

ด้านชีวิตการทำงานก่อนมาทำงานที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ในอดีตเคยทำกิจการส่วนตัวมาก่อน รวมถึงได้มีส่วนร่วมงานกับหอการค้าไทยเรื่อยมาในฐานะเป็นคณะกรรมการต่างๆ เช่น คณะกรรมการธุรกิจ SME กรรมการทางด้านกิจการระหว่างประเทศ เป็นกรรมการธรรมาภิบาล เป็นต้น ซึ่งทุกวันนี้ไม่ทำธุรกิจอะไรอีกแล้ว แต่ได้ส่งมอบธุรกิจให้กับลูกหลานให้สืบสานต่อไป ส่วนตัวเองจะทุ่มเททำงานให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน 100%

ดร.มานะ กล่าวถึงองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ว่า ใช้ยุทธศาสตร์ 3 ป. คือ “ป้องกัน เปิดโปง ปลูกฝัง” มีภาระกิจที่ร่วมมือกับรัฐบาลและหน่วยงานรัฐต่างๆ ในหลายบทบาท เช่น ผลักดันให้มีมาตรการส่งเสริมสนับภาคประชาชนในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ผลักดันและร่วมร่างกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างฯ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตอนุมัติฯ เสนอโครงการข้อตกลงคุณธรรมเพื่อลดคอร์รัปชันในการลงทุนโครงการเมกะโปรเจค เป็นต้น

เราเชื่อว่า หลักประกันความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงประเทศ คือพลังจากความร่วมมือกันเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง หลากหลาย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ สื่อมวลชน ภาคประชาชน ปัจจุบันจึงเกิดการรวมตัวกันมากขึ้นตัวอย่างเช่น ทุกปี “มูลนิธิเพื่อคนไทย” และภาคีเครือข่ายกว่า 100 องค์กรฯ จะจัดงาน “Good Society Expo: เทศกาลทำดีหวังผล” ที่เป้าหมายยกระดับไปสู่การสร้างผลลัพธ์ทางสังคมที่สามารถจับต้องได้ โดยมุ่งเน้นสร้างการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสังคม และนำเสนอภาคีเครือข่ายผู้ลงมือปฏิบัติจริงในด้านต่างๆ  โดยแบ่งเป็น 5 Pavilion ได้แก่ การศึกษา การต่อต้านคอร์รัปชัน สุขภาพ สิ่งแวดล้อม คนพิการและสูงอายุ ทางด้านวิชาการ หลายมหาวิทยาลัยได้ตื่นตัวมีหลักสูตรและเขียนตำราเกี่ยวกับคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล หลายสถาบันสนับสนุนงานวิจัยมากขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดองค์ความรู้ความเข้าใจชัดเจนมากขึ้น

                สำหรับแรงจูงใจที่ทำให้อยากมาทำงานต่อสู้กับความไม่โปร่งใสในประเทศไทยนั้น ดร.มานะ บอกว่า เนื่องจากตัวเขาเป็นนักธุรกิจขนาดเล็ก ได้พบกับปัญหาไม่เป็นธรรมในภาครัฐและภาคธุรกิจหลายอย่างด้วยตัวเองจนเมื่อมีโอกาสมาทำงานที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้พบว่า ผู้ใหญ่มากมายที่มาช่วยงานที่นี่ต่างมีความตั้งใจจริงที่จะต่อสู้กับการคอร์รัปชัน

“ผมได้ร่วมงานกับผู้ใหญ่หลายท่านที่ช่วยสร้างแรงบันดาลได้มากอย่างเช่น คุณประมนต์ สุธีวงศ์ อดีตประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม คุณวิเชียร พงศธร คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ทุกท่านเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีฐานะที่ดี แต่ก็ยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อบ้านเมืองอย่างไม่มีข้อจำกัดเลย”

ประกอบกับตนเองมีประสบการณ์ตรงทั้งด้านการทำธุรกิจการเผชิญปัญหาและทักษะองค์ความรู้จากปริญญาเอกในเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน สร้างธรรมาภิบาล จึงอาสารับภาระกิจสำคัญนี้ได้ด้วยความมั่นใจ

                ด้านการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านคอร์รัปชัน แน่นอนว่ามีโอกาสสูงที่จะกระทบกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้อิทธิพลเมื่อถามถึงผลกระทบและความรู้สึกที่หวาดหวั่นกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือไม่ เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ไม่มีความกลัวเลยและไม่เคยได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เหตุเพราะการทำงานขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับตัวบุคคลแต่มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ ดังนั้นที่ทุกการนำเสนอ เราจึงพูดทุกอย่างบนพื้นฐานของหลักการและความถูกต้องเพื่อส่วนร่วมเป็นสำคัญ

                กล่าวคือจะพูดถึงภาพรวมขององค์กรนั้นๆ กับหลักการและความถูกต้องที่ควรจะเป็น อย่างเช่น เมื่อพูดถึงนักการเมืองส่วนท้องถิ่น หรือคนที่อยู่ในอัยการ คนที่อยู่ในสรรพากร เราก็จะพูดหลักการโดยรวม การแก้ปัญหาคอร์รัปชันจะทำให้สำเร็จได้นั้น ต้องแก้ระบบราชการ ระบบสำคัญในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนให้ได้ เป็นเหตุผลว่าทำไม จึงไม่เน้นชี้ไปที่ตัวบุคคลเพราะต่อให้เจาะจงไปที่คนใดคนหนึ่ง สุดท้ายแล้วก็จะมีคนเหมือนกับเขามาอีกเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งดีที่สุดต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงระบบหรือโครงสร้างจากภายในให้ได้ ซึ่งเชื่อว่า คนทำผิดเขาก็รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องเพื่อบ้านเมืองดังนั้นจึงไม่มีศัตรูเป็นการส่วนตัว

                ที่สำคัญ ทุกคำพูดและการกระทำเพื่อต่อสู้เอาชนะคอร์รัปชัน ต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องและอธิบายได้เพราะแน่นอนว่าคนที่เสียผลประโยชน์จะพยายามตอบโต้และบิดเบือนว่า เขาถูกกลั่นแกล้ง คนอื่นพยายามสร้างภาพ โจมตีกันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เสนอต้องเป็นเรื่องจริง ถูกต้องและได้การยอมรับจากทุกฝ่ายทุกข้อมูลต้องและอธิบายได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมด

                สำหรับเป้าหมายและอุปสรรคปัญหาตลอดการดำเนินการต่อต้านคอร์รัปชันในประเทศไทยนั้น ดร.มานะ กล่าวว่า เขามุ่งหวังว่า คอร์รัปชันในประเทศไทยจะต้องน้อยลง สังคมไทยต้องรังเกียจคอร์รัปชันและออกมาต่อสู้เนื่องจากคะแนน CPIของไทยตกต่ำลงทุกปี ถือเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวด เพื่อเกียรติศักดิ์ศรีของคนไทยให้กลับมาเราต้องทำให้คอร์รัปชันน้อยลง ถึงเวลานั้น ย่อมหมายถึง สังคมไทยจะมีความเป็นธรรม ผู้คนจะมีโอกาสเท่าเทียมกันในการทำมาหากินและเข้าถึงบริการ รวมไปถึงทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น

                จากการทำงานที่แข็งขันและยึดมั่นในอุดมการณ์ แนวคิดและวิสัยทัศน์คือกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้ทาง ดร.มานะ บอกว่า เพื่อสร้างการยอมรับ สิ่งที่ต้องพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นนอกจากการวิพากษ์วิจารณ์ภาครัฐแล้ว เราต้องมีข้อเสนอแนะด้วยว่าสิ่งที่ควรทำ ควรแก้ไขคืออะไร จากนั้นเราต้องลงมือทำให้เห็นด้วย  เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ปัญหาแก้ได้ เอาชนะได้จริงแต่ต้องไม่ฉาบฉวย

                “เมื่ออุปสรรคปัญหา วิธีรับมือกับสิ่งเหล่านี้ต้องหาข้อมูลตลอดเวลา ทั้งจากตำราและจากผู้ส่วนได้เสีย ไว้สำหรับประกอบการวิเคราะห์แจกแจง เช่น เมื่อพูดถึงร้านค้าและสถานบันเทิงโดนรีดไถ ก็ต้องคุยกับผู้ประกอบการว่าเขาโดนรีดไถอย่างไร เดือดร้อนอย่างไร รวมไปถึงต้องไปฝั่งเหตุผลอีกด้านหนึ่งเช่นกัน ซึ่งทุกคนก็จะพูดในสิ่งที่ตนเองได้ประโยชน์เป็นหลัก ดังนั้นการหาข้อมูลก็จะทำให้ถูกต้องยิ่งขึ้นและมีความน่าเชื่อถือ แม้สุดท้ายจะไม่ครบ 100% แต่ต้องถูกต้องมากที่สุดและต้องอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของส่วนรวม” เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...