กฟผ. เผย ได้รับแจ้งจาก ปตท. อยู่ระหว่างแก้ไขปัญหาแหล่งก๊าซธรรมชาติไทย – มาเลเซียขัดข้อง ต้องใช้เวลาเพิ่ม 10-14 วัน เร่งประสานส่งน้ำมันใช้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าแทนก๊าซธรรมชาติที่ขาดหายไป พร้อมซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียและดึงไฟฟ้าจากภาคกลางเสริมช่วงพีก เพื่อให้ภาคใต้มีไฟฟ้าใช้เพียงพอ
นายสุธน บุญประสงค์ รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ตามที่ กฟผ. ได้รับการประสานจาก บมจ.ปตท. ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่าเกิดเหตุขัดข้องในระบบส่งจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือแหล่ง JDA-A18 ล่าสุดการแก้ไขยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 10 - 14 วัน หรือแล้วเสร็จประมาณวันที่ 12 กรกฎาคม 2560
รองผู้ว่าการระบบส่ง กฟผ. กล่าวต่อไปว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กฟผ. ได้ปรับแผนการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้ เนื่องจากโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงต้องหยุดการเดินเครื่อง กฟผ. จึงได้บริหารจัดการโดยปรับมาใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเดินเครื่องโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 และโรงไฟฟ้ากระบี่ โดยประสานกับ ปตท. ให้จัดส่งน้ำมันให้กับโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งเพิ่ม ทั้งนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ของภาคใต้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,350 เมกะวัตต์ ขณะที่การผลิตไฟฟ้าของภาคใต้ในช่วงเวลาดังกล่าวสามารถผลิตได้ประมาณ 1,800 เมกะวัตต์ สำหรับไฟฟ้าส่วนที่ขาดอยู่อีกประมาณ 500-600 เมกะวัตต์ ได้มีการซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเข้ามาเสริมในบางช่วงเวลา และมีการส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปช่วยอีกส่วนหนึ่ง รวมถึงคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วง 10-14 วันนี้ จะสูงสุดไม่เกิน 2,500 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถจ่ายไฟฟ้าในภาคใต้ได้อย่างเพียงพอ
“ต้องขอให้พี่น้องประชาชน ภาคการท่องเที่ยว และภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในภาคใต้ ยังคงช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้าต่อไปอีกจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา ในอนาคตคาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก ดังนั้น หากภาคใต้มีโรงไฟฟ้าหลักเพิ่มในพื้นที่จะช่วยให้เกิดความมั่นคงและลดความเสี่ยงได้” นายสุธน บุญประสงค์ กล่าว